สรุปการคิดเชิงสร้างสรรค์
ในความหมายทางภาษาไทยได้ให้ความหมายของคำว่า “สร้างสรรค์” แตกต่างออกไป 3 ความหมาย คือ คิดในแง่บวก การกระทำที่ไม่ทำร้ายใครและการคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ โดยทั่วไปจะใช้ความหมายนี้ในการที่เราจะกำหนดว่าสิ่งใดเกิดจากความคิดสร้างสรรค์นั้นสามารถพิจารณาได้จากองค์ประกอบสำคัญ อันได้แก่ ความคิดนั้นต้องเป็นสิ่งใหม่ สามารถใช้งานได้และเหมาะสมลงตัวพอดีกับปัญหาที่ต้องการแก้ไข การแก้ไข จินตนาการก็เป็นส่วนประกอบที่สำคัญอย่างยิ่งในการคิดสร้างสรรค์ เพราะจะช่วยให้เราสร้างสรรค์ความคิดใหม่ๆได้อย่างไม่จำกัด โดยความคิดสร้างสรรค์เกิดจากการทำงานของสมองซีกขวา มีนักวิศวะชาวอเมริกันที่คิดสร้างจรวดขึ้นมา ชื่อ โรเบิร์ต เอช กอกดาร์ด (ค.ศ. 1899) จากการอ่านนวนิยายจิตนาการของเขาในสมัยเด็ก และก็ประสบความสำเร็จ แม้ว่าจรวดของเขาจะขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างไม่น่าตื่นเต้นนักก็ตาม แต่ก็นับว่าเป็นก้าวแรก น่าเสียดายที่เขาสิ้นชีวิตไปก่อน จึงไม่มีโอกาสได้เห็นจรวดที่ได้รับการพัฒนาต่อยอดจากแนวคิดของเขานั้น ทะยานขึ้นไปเยือนดวงจันทร์ตามความฝันของเขา ความคิดสร้างสรรค์จะเข้าไปต่อยอดความคิดเดิม กลายเป็นความคิดใหม่นั้นจะถูกท้าทายจากอีกความคิดหนึ่งเสมอ ส่งผลใหม่ให้เกิดการงอกงามทางความคิดและสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ โดยพัฒนาต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง
ความหมายของการคิดเชิงสร้างสรรค์ เป็นการขยายขอบเขตความคิดออกไปจากกรอบความคิดเดิมที่มีอยู่สู่ความคิดใหม่ๆที่ไม่เคยมีมาก่อน เพื่อค้นหาคำตอบที่ดีที่สุดให้กับปัญหาที่เกิดขึ้น การคิดแบบเชิงสร้างสรรค์มีลักษณะเป็นกระบวนการ มี 3 ขั้นตอน คืด การกำหนดเป็ราหมายการคิดให้ชัดเจน เช่น ทำอย่างไรเพื่อให้สอบวิชานี้ให้ได้เกรด A เมื่อเป้าหมายชัด จะนำไปสู่การหาวิธีสร้างสรรค์ ซึ่งจะช่วยให้ทำคะแนนสอบได้เกรด A เป็นต้น การแสวงหาแนวคิดใหม่ เราคิดออกมาให้หมด อย่าเพิ่งประเมินว่าดีหรือไม่ดี เราจะพบว่าศักยภาพการสร้างารรค์ของเรามีอยู่อย่างกมากทีเดียว เพียงแต่ไม่ถูกบังคับให้นำออมาใช้เท่านั้น ขั้นต่อไปเป็นการประเมินและคัดเลือก นำความคิดเหล่านี้มากลั่นกรอง วิเคราะห์ หาเหตุผลความเป็นไปได้ ว่ามีความคิดใดบ้างที่สามารภถนำมาใช้ได้อย่างเหมาะสม องค์ประกอบที่ช่วยเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์
ด้านทัศนคติและบุคลิกลักษณะ คือ เป็นคนเปิดกว้างรับประสบการณ์ใหม่ๆ
ด้านความสามารถทางสติปัญญา คือ จะไม่มองปัญหาเดิมๆด้วยสายตาธรรมดาจะมองแบบใหม่เพื่อทำให้เห็นทางแก้ปัญหาด้วยตนเอง การประเมินอย่างมีประสิทธิภาพ คือ นำเอาความคิดนั้นมาพิจารณาประเมินคุณค่าในลำดับต่อไป
ด้านความรู้ คนที่มีความรู้มักจะคิดได้สร้างสรรค์ได้ดีกว่าคนที่ไม่มีความรู้
ด้านรูปแบบการคิด มีผลต่อการรับรู้และบุคลิกลักษณะของคนๆนั้น รูปแบบการคิดจะช่วยให้เกิดการประยุกต์ความสามาถทางสติปัญญา
ด้านแรงจูงใจ เป็นแรงกระตุ้นจากภายในมีประโยชน์ต่อความคิดสร้างสรรค์
ด้านสภาพแวดล้อม ไม่มีกรอบมาตรฐานเพื่อบีบรัด ได้แก่ สังคมที่ส่งเสริมเสรีภาพในกรแสดงออกของประชาชน มีการสนับสนุนคนที่คิดสร้างสรรค์
โลกของการแข่งขันทำให้ต้องมีการพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่ง หากหยุดนิ่งเมื่อใดเท่ากับเดินถอยหลังทันที ความคิดสร้างสรรค์ยังข่วยให้ราได้สิ่งที่ดีกว่าแทนการจะอยู่กับสิ่งเดิมๆ และยังเป็นองค์ประกอบสำคัญของความฉลาด คือ มีความฉลาดในการสร้างสรรค์ ความฉลาดในการวิเคราะห์ และความฉลาดในการปฏับัติจริง ดังนั้น ถ้าสังคมเราฝึกให้คนแก้ปัญหาด้วยตนเองมากขึ้น พ่อแม่ปล่อยให้ลูกรับผิดชอบตนเอง ปล่อยให้ลูกคิดแก้ปัญหาด้วยตนเองบ้าง ให้ช่วยเหลือตนเอง ลองถูก-ลองผิดบ้างย่อมเป็นวิธีหนึ่งที่เขาจะได้มีโอกาสคิดสร้างสรรค์ น่าดีใจที่ศักยภาพด้านการคิดสร้างสรรค์ของคนไทยในระดับท้องถิ่น เริ่มปรากฏขึ้น และสะท้อนออกมาในรูปของสินค้าภายในชุมชนตามโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ เป็นโอกาสที่ดีของแต่ละตำลลที่จะคิดสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆประจำตำบล ลดการลอกเลียนแบบ ปัจจุบันการเรียนจะเน้นให้นักเรียนที่เรียนนั้นท่องจำมากกว่าจะให้ใช้ความคิด ซึ่งส่งผลให้เป็นการปิดกั้นความคิดสร้างสรรค์ คือ ไม่ได้สอนวิธีคิดส่งผลให้เด็กไม่มีนิสัยช่างคิด คิดไม่เป็น ไม่รู้จักเรียนรู้ โดยสมองซีกความคิดสร้างสรรค์จะไม่ได้รับการพัฒนา และจะนำไปสู่การลอกเลียนแบบ เกิดความพึงพอใจในการทำตามและเลียนแบบมากกว่าคิดเอง เช่น คนมีตำแหน่ง มีอำนาจ ชื่นชอบสินค้ายี่ห้อดังๆเชื่อมั่นและเดินตามประเทศที่พัฒนาแล้วเพราะคิดว่าเค้าเก่งกว่า เป็นต้น สังคมไทยเราชอบความเหมือนมากกว่าความแตกต่างจะเห็นได้ว่าคนไทยในสมัยอดีต คนที่ได้รับการยกย่อง คือ คนที่ไม่ทำอะไรแตกต่างจากคนอื่นยิ่งทำเหมือนต้นแบบมากเท่าไหร่ ยิ่งได้รับการยกย่อง เป็นต้น สังคมไทยเรามักจะดำเนินตามสถานการณ์ ไม่ช่างคิด และลักษณะนิสัยไม่ช่างคิด ดำเนินชีวิตไปตามสถานการณ์ของเรานี้นับเป็นอุปสรรค์ที่สำคัญอีกประการหนึ่งที่เราจำเป็นต้องเอาชนะให้ได้ หากเราต้องการเป็นคนที่สร้างสรรค์ หากเรายังมีค่านิยมที่ว่า การลอกเลียนความคิดของผู้อื่นเป็นความผิด เป็นการทำที่น่าละอายจนส่งผลเป็นแรงกระตุ้นให้เราต้องคิดสร้างสรรค์ขึ้นเอง เอาวิธีการสำเร็จรูปที่ผู้อื่นคิดไว้มาใช้มากกว่าเสียเวลาออกแรงคิดเอง สังคมของเราจึงกลายเป็นสังคมที่ชอบลอกเลียนมากกว่าสร้างสรรค์ และเมื่อเราเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่คุ้นเคย ปัญหาที่ดูเหมือนไม่มีทางออกมาก่อน ทำให้คนเกิดความวิตกกังวลมากกว่าจะพยายามหาทางออกให้กับปัญหาที่เกิดขึ้น โดยคิดว่าตนเองจะเป็นแกะดำถูกมองว่าเป็นตัวประหลาด ไม่กล้าเสนอความคิดเห็นใหม่ๆทำให้ความคิดสร้างสรรค์ดีๆไม่มีโอกาสงอกงามออกมา แต่ความกลัวผิดพลาดนั้นมันจะเป็นตัวสกัดกั้นความคิดสร้างสรรค์ที่ดีเยี่ยมอีกตัวหนึ่งและอิทธิพลของมันจะแทรกซึมอยู้ในเรามากบ้างน้อยบ้าง ถ้าเรายึดติดกับความรู้ความชำนาญเฉพาะด้าน เราย่อมจะ “ติดกับ” ความรู้ของเราให้ไม่สามารถคิดแหวกวงเพื่อค้นพบสิ่งสร้างสรรค์ใหม่ๆ นอกเหนือจากที่เคยเรียนรู้มาแล้วได้ เราอาจจะเป็นคนเก่งในสิ่งที่ทำได้ดีอยู่แล้ว แต่จะเป็นคนที่ทำอะไรไม่ได้เลย หากขว้างออกนอกกรอบความรู้ที่ตนมีเพื่อประยุกต์สิ่งดีๆมาใช้พัฒนาความเชี่ยวชาญในงานของตน ในการคิดแปลกใหม่ให้หลากหลายด้วยการระดมสมอง เราจะได้ความคิดใหม่ที่สร้างสรรค์จากกลุ่มที่เรากำหนดขึ้นเอง การเปลี่ยนแปลงจากรูปเดิมๆให้เป็นสิ่งใหม่ การแตกแขนงรูปแบบสินค้า ในการอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบเดิมมานาน อาจกำจัดความคิดสร้างสรรค์ เพราะในสภาพแวดล้อมแบบหนึ่งจะทำให้เราคิดคล้ายๆกัน การนั่งจดจ่ออยู่กับที่อาจจะดีสำหรับการคิดเพื่อทำความเข้าลึกซึ้ง แต่อาจจะไม่เหมาะสำหรับการคิดสร้างสรรค์ซึ่งต้องการข้อมูลที่ค่อนข้างแตกกระจายออกไปในแนวกว้าง ดังนั้น เมื่อเราคิดไปได้สักพักแล้วรู้สึกว่าความคิดเริ่มวนเวียน เริ่มคิดสิ่งใหม่ๆไม่ได้ ให้ลชองจัดสภาพแวดล้อมใหม่ เปลี่ยนสภาพที่ความคิดใหม่ๆอาจเกิดขึ้นมาได้ การกำจัดเวลาจะช่วยให้กระตุ้นความคิดได้ดีกว่า และในแนวทางกลับสิ่งที่จะคิด แล้วลองคิดใช้มุมกลับ ช่วยให้เรามองอีกมุมหนึ่งที่เราไม่เคยคิดมาก่อน การหักมุมความคาดหวังที่คนทั่วๆไปคิดว่าน่าจะเป็น กลายเป็นสิ่งสร้างสรรค์ใหม่ ส่วนใหญ่การคิดเช่นนี้มักจะนิยมใช้กันทั่วไปในการเขียนทั้งเรื่องสั้น ภาพยนตร์โฆษณา เรื่องขำขัน ภาพยนต์ประเภทสืบสวนสอบสวน ภาพยนตร์ตลก การ์ตูนล้อการเมือง เป็นต้น ในการคิดเรามักจะหาสิ่งเชื่อมโยงเป็น “ตัวเขี่ยความคิด” เช่น การเปิดหนังสือ ถ้ายังคิดไม่ออก็ลองเปิดหนังสือพิมพ์ หรือนิตยสาร การเปิดพจนานุกรม ดึงคำพูดจากหนังสือ เก็บคำพูดจากภาพยนตร์โทรทัศน์ข้อความโฆษณาจากแผ่นป้ายข้างรถประจำทาง หรืออื่นๆไม่จำกัด อันจะช่วยขยายความคิดของเราให้เกิดความคิดดีๆในการแก้ปัญหาได้ การอุปมาหรือเทียบเคียงในลักษณะที่เราไม่คุ้นเคย จะช่วยกระตุ้นให้เราคิดในมุมที่แตกต่างได้ ช่วยให้เรามีความคิดใหม่ๆนอกกรอบความเคยชิน หากการคิดเชิงสร้างสรรค์จะกลายเป็นลักษณะนิสัยการคิดของเรา และเราจะกลายเป็นผู้ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น “นักคิสร้างสรรค์” ได้ในที่สุด
การสร้างทัศนคติที่เอื้อต่อการสร้างความคิดสร้างสรรค์ คือ
1.อย่าคิดในแง่ลบต้องคิดในแง่บวก
2.อย่าชอบพวกมาลากไปต้องลองหัวเดียวกระเทียมลีบดูบ้าง
3.อย่าปิดตนเองในวงแคบต้องเปิดรับประสบการณ์ใหม่
4.อย่ารักสบายทำไปเรื่อยๆต้องลงแรง บากบั่น มุ่งความสำเร็จ
5.อย่ากลัว ต้องกล้าเสี่ยง
6.อย่าหมดกำลังใจเมื่อไม่พบคำตอบ ต้องอดทนต่อความคลุมเครือ
7.อย่าท้อใจกับความผิดหวัง ต้องเรียนรู้จากความล้มเหลว
8.อย่าละทิ้งความคิดใดจนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่าไร้ประโยชน์ ต้องชะลอการตัดสินใจ
9.อย่ากลัวการเผยแพร่ผลงาน ต้องกล้าเผยแพร่ผลงานแหวกวง
วันจันทร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2553
วันอาทิตย์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2553
การทำภาพฟองน้ำ
1.ตั้งค่าหน้ากระดาษตามภาพจากนั้นก็เทสีเทา ลงพื้นหลัง
2.ต่อไปก็คลิ๊กที่แถบเมนูด้านบน เลือก Filter > Distort > Polar Coordinates และเลือก Polar to Rectangular จะได้รูปนี้
3.จากนั้นก็ปลดล็อค Background โดยการดับเบิ้ลคลิ๊กที่ Layer Background
4.ต่อไปก็คลิ๊กที่แถบเมนูด้านบน เลือก Filter > Distort > Polar Coordinates และเลือก Rectangular to Polar จะได้รูปนี้
5.ต่อไปก็กดเลือก Elliptical Marquee Toolจากนั้นกด Shift ค้าง แล้วลากเม้าส์เพื่อสร้าง Selection วงกลม (ถ้าไม่พอใจก็เลือก Select > Transform Selection เพื่อปรับขนาด Selection วงกลมอีกครั้ง)
จะได้ดังรูป
6.กด Ctrl + Shift + i เพื่อกลับด้าน Selection แล้วกด Delete เพื่อลบพื้นที่ที่เราไม่ต้องการ
แล้วคุณก็จะได้ภาพอย่างที่เห็นเลยครับ
วันพฤหัสบดีที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2553
ทำรูปเราให้เป็นสีน้ำ (อามมี่)
1.เข้า File/Open เลือกรูปที่เราต้องการทำ
2.เข้า Filter/Artistic/Watercolor
3.เลือกลายตามใจชอบเราแล้วกด OK
4.เข้า Filter/Texture/Texturizer
5.เลือกลายตามใจชอบเราแล้วกด OK
ทำรูปเราให้เป็นรูปวาด (กิ๊ก)
1.เข้า File/Open เลือกรูปที่เราต้องการทำ
2.กด Ctrl+J
3.กดเปลี่ยน Layer โดยการเปลี่ยนชื่อเป็น Copy
4.เข้า File/Stylize/Find Edges
5.เข้า File/Blur/Gaussian Blur ปรับตามที่เราต้องการ
ทำสายฟ้าใส่รูปเรา (เอ็ม)
1.เข้า File/New ตั้งค่าหน้ากระดาษเป็น International Paper
2.ไปถังสี Gradient Tool
3.ลากจากซ้ายไปขวา
4.เข้า Filter/Render เลือก Difference Clouds
5.กด Ctrl+i ตั้งเป็นช่องแรก 208 กลาง 0.40 กด OK
6.ลากภาพที่เราต้องการโดยการลากรูปใส่แถบสีเทาด้านบนตรงกับ Layer
7.เปลี่ยน Background ให้เป็น Layer 0
8.เปลี่ยน Normal เป็น Screen แล้ว เราก็ลากรูปเรามาใส่ไว้ในแถบสีเทาด้านบน
9.กด Ctrl+L เพื่อปรับสายฟ้าให้เข้ากับภาพ ช่องแรก 208 กลาง 0.40 กดตกลง
10.แล้วเราก็ลากสายฟ้าไปที่อีก Layer รูปเรา ถ้าเราจะเปลี่ยนสีสายฟ้าเราก็กด Ctrl+U
1.เข้า File/Open เลือกรูปที่เราต้องการทำ
2.เข้า Filter/Artistic/Watercolor
3.เลือกลายตามใจชอบเราแล้วกด OK
4.เข้า Filter/Texture/Texturizer
5.เลือกลายตามใจชอบเราแล้วกด OK
ทำรูปเราให้เป็นรูปวาด (กิ๊ก)
1.เข้า File/Open เลือกรูปที่เราต้องการทำ
2.กด Ctrl+J
3.กดเปลี่ยน Layer โดยการเปลี่ยนชื่อเป็น Copy
4.เข้า File/Stylize/Find Edges
5.เข้า File/Blur/Gaussian Blur ปรับตามที่เราต้องการ
ทำสายฟ้าใส่รูปเรา (เอ็ม)
1.เข้า File/New ตั้งค่าหน้ากระดาษเป็น International Paper
2.ไปถังสี Gradient Tool
3.ลากจากซ้ายไปขวา
4.เข้า Filter/Render เลือก Difference Clouds
5.กด Ctrl+i ตั้งเป็นช่องแรก 208 กลาง 0.40 กด OK
6.ลากภาพที่เราต้องการโดยการลากรูปใส่แถบสีเทาด้านบนตรงกับ Layer
7.เปลี่ยน Background ให้เป็น Layer 0
8.เปลี่ยน Normal เป็น Screen แล้ว เราก็ลากรูปเรามาใส่ไว้ในแถบสีเทาด้านบน
9.กด Ctrl+L เพื่อปรับสายฟ้าให้เข้ากับภาพ ช่องแรก 208 กลาง 0.40 กดตกลง
10.แล้วเราก็ลากสายฟ้าไปที่อีก Layer รูปเรา ถ้าเราจะเปลี่ยนสีสายฟ้าเราก็กด Ctrl+U
ทำภาพจิ๊กซอ (ฝน)
1.เข้า File/Open เลือกรูปที่เราต้องการทำ
2.ทำการคัดลอก Layer ขึ้นมาใหม่
3.คลิก Layer ที่สร้างขึ้นใหม่ไปที่ Window/Style
4.ปรับค่า Capacity ปรับให้เหลือ 50%
5.ดับเบิ้ลคลิกที่เลเยอร์ 2 ไดอะล็อกบ็อซของ Layer Style ให้กำหนดค่าต่างๆ
6.เมื่อคลิกที่ OK จะได้ภาพที่สวยงาม
ทำภาพ Lomo (โลโม่)
1.เข้า File/Open เลือกรูปที่เราต้องการทำ
2.คลิกขวาที่ Background เลือก Duplicate Layer กด OK
3.เปลี่ยน Normal ให้เป็น Soft Light
4.สร้าง Layer อีก 1 Layer
5.เปลี่ยน Normal ให้เป็น Soft Light
6.ไปคลิก เลือก Rectangular/Marquee Tool
7.ลากให้เป็นกรอบสี่เหลี่ยม
8.คลิกขวาที่รูปเลือก Select/Inverse
9.ไปเลือกที่ถังสีเลือกสีดำไปเทตรงขอบ
10.ไปคลิกขวาที่ เลือก แล้วคลิกขวาที่รูปเลือก Deselect
1.เข้า File/Open เลือกรูปที่เราต้องการทำ
2.ทำการคัดลอก Layer ขึ้นมาใหม่
3.คลิก Layer ที่สร้างขึ้นใหม่ไปที่ Window/Style
4.ปรับค่า Capacity ปรับให้เหลือ 50%
5.ดับเบิ้ลคลิกที่เลเยอร์ 2 ไดอะล็อกบ็อซของ Layer Style ให้กำหนดค่าต่างๆ
6.เมื่อคลิกที่ OK จะได้ภาพที่สวยงาม
ทำภาพ Lomo (โลโม่)
1.เข้า File/Open เลือกรูปที่เราต้องการทำ
2.คลิกขวาที่ Background เลือก Duplicate Layer กด OK
3.เปลี่ยน Normal ให้เป็น Soft Light
4.สร้าง Layer อีก 1 Layer
5.เปลี่ยน Normal ให้เป็น Soft Light
6.ไปคลิก เลือก Rectangular/Marquee Tool
7.ลากให้เป็นกรอบสี่เหลี่ยม
8.คลิกขวาที่รูปเลือก Select/Inverse
9.ไปเลือกที่ถังสีเลือกสีดำไปเทตรงขอบ
10.ไปคลิกขวาที่ เลือก แล้วคลิกขวาที่รูปเลือก Deselect
ทำหัวบล็อก (แจ็ก)
1.เข้า File/New เลือก Custom เปลี่ยนช่อง Height 250 Resolution 300
2.
3.คลิก เลือก Gradient Tool
4.ลากตรงกรอบสี่เหลี่ยมด้านไหนก็ได้
5.จากนั้นก็เลือกรูปแล้วลากมาใส่กรอบที่เราทำไว้
6.คลิกตรง ด้านล่าง
7.ไปเลือกที่ Gradient Tool เพื่อเลือกภาพสุดท้าย
8.ไปเลือกที่ Gradient Tool คลิกซ้าย 1 ครั้ง แล้วคลิกตรงที่ใหม่แช่ไว้แล้วลากให้เป็นเส้นโค้งแล้วปล่อย กด Alt ค้างไว้ คลิกที่จุดดำแล้วอีกหนึ่งเส้นมันจะหายไป แล้วกลับมาคลิกที่จุดเริ่มต้นมันจะมาประกบกัน แล้วกด Ctrl + Enter มันจะมีเส้นปะขึ้นมา
9.สร้าง Layer ใหม่แล้วเลือกลงสี Gradient Tool แล้วกด Ctrl + D เส้นปะก็จะหายไป ถ้าเราอยากจะได้หลายๆ เส้นเราก็ไปกด Alt ค้างไว้แล้วก็ลากไปที่ที่เราต้องการ
ทำภาพแบ็คกราว Background (ปูเป้)
1.เข้า File/Open เลือกรูปที่เราต้องการทำ
2.ไปแถบเครื่องมือด้านซ้าย คลิกขวาตัวที่สาม เลือก Magnetic Lasso Tool
3.แล้วตัดภาพที่เราต้องการตัด โดยการคลิกแช่แล้วลากตามรูปที่จะตัดแล้วมันจะขึ้นเป็นเส้นปะล้อมรูปเรา
4.เข้า Edit/Filter แล้วกด OK
ทำภาพซ้อน (แนน)
1.เข้า File/Open เลือกรูปที่เราต้องการมา 2 รูป
2.ลากภาพที่ 1 ไปยังภาพที่ 2
3.เข้า Layer/Layer Mask เลือก Reveal all
4.ไปแถบเครื่องมือด้านซ้ายคลิกขวาตัวที่อยู่บนหยดน้ำเลือก Gradient Tool
5.แล้วลากจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งที่เราต้องการทำภาพซ้อน
ทำภาพรุ้งกินน้ำ (อ้อม)
1.เข้า File/Open เลือกรูปที่เราต้องการ
2.ไปแถบเครื่องมือด้านซ้ายคลิกขวาตัวที่อยู่บนหยดน้ำเลือก Gradient Tool
3.แล้วไปแถบเครื่องมือด้านบนเลือกตัวที่ 2 เลือก Special Effect กด OK
4.เลือกตัวแถบที่เป็นสายรุ้ง
5.แล้วลากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งที่เราต้องการทำภาพสายรุ้ง
6.ปรับ Opacity ให้เป็นเปอร์เซ็นต์ก็ได้ตามที่เราต้องการ เพื่อให้เข้ากับภาพ
ทำภาพสามมิติ (เจียว)
1.เข้า File/Open เลือกรูป
2.เข้าแถบเครื่องมือด้านซ้ายหัวข้อที่ 3 เลือก Magnetic Lasso Tool L
3.แล้วตัดภาพให้เป็นเส้นปะ
4.เข้า File/New ตั้งเป็น 400,300,300 กด OK
5.เลือกสีตรงแถบเครื่องมือด้านซ้ายตัวรองสุดท้าย
6.เข้า Filter/Render เลือก Clouds
7.เข้า Filter/Stylize เลือก Extrude ตั้งเป็น 0,100 คลิก Solid Front Faces
8.แล้วลากภาพเรามาใส่ในแถบสีเทาด้านบน
9.แล้วเราไปเลือกตรงแถบเครื่องมือด้านซ้ายตัวที่ n คลิกขวาเลือก Eraser Tool E เพื่อที่จะลบ
1.เข้า File/New เลือก Custom เปลี่ยนช่อง Height 250 Resolution 300
2.
3.คลิก เลือก Gradient Tool
4.ลากตรงกรอบสี่เหลี่ยมด้านไหนก็ได้
5.จากนั้นก็เลือกรูปแล้วลากมาใส่กรอบที่เราทำไว้
6.คลิกตรง ด้านล่าง
7.ไปเลือกที่ Gradient Tool เพื่อเลือกภาพสุดท้าย
8.ไปเลือกที่ Gradient Tool คลิกซ้าย 1 ครั้ง แล้วคลิกตรงที่ใหม่แช่ไว้แล้วลากให้เป็นเส้นโค้งแล้วปล่อย กด Alt ค้างไว้ คลิกที่จุดดำแล้วอีกหนึ่งเส้นมันจะหายไป แล้วกลับมาคลิกที่จุดเริ่มต้นมันจะมาประกบกัน แล้วกด Ctrl + Enter มันจะมีเส้นปะขึ้นมา
9.สร้าง Layer ใหม่แล้วเลือกลงสี Gradient Tool แล้วกด Ctrl + D เส้นปะก็จะหายไป ถ้าเราอยากจะได้หลายๆ เส้นเราก็ไปกด Alt ค้างไว้แล้วก็ลากไปที่ที่เราต้องการ
ทำภาพแบ็คกราว Background (ปูเป้)
1.เข้า File/Open เลือกรูปที่เราต้องการทำ
2.ไปแถบเครื่องมือด้านซ้าย คลิกขวาตัวที่สาม เลือก Magnetic Lasso Tool
3.แล้วตัดภาพที่เราต้องการตัด โดยการคลิกแช่แล้วลากตามรูปที่จะตัดแล้วมันจะขึ้นเป็นเส้นปะล้อมรูปเรา
4.เข้า Edit/Filter แล้วกด OK
ทำภาพซ้อน (แนน)
1.เข้า File/Open เลือกรูปที่เราต้องการมา 2 รูป
2.ลากภาพที่ 1 ไปยังภาพที่ 2
3.เข้า Layer/Layer Mask เลือก Reveal all
4.ไปแถบเครื่องมือด้านซ้ายคลิกขวาตัวที่อยู่บนหยดน้ำเลือก Gradient Tool
5.แล้วลากจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งที่เราต้องการทำภาพซ้อน
ทำภาพรุ้งกินน้ำ (อ้อม)
1.เข้า File/Open เลือกรูปที่เราต้องการ
2.ไปแถบเครื่องมือด้านซ้ายคลิกขวาตัวที่อยู่บนหยดน้ำเลือก Gradient Tool
3.แล้วไปแถบเครื่องมือด้านบนเลือกตัวที่ 2 เลือก Special Effect กด OK
4.เลือกตัวแถบที่เป็นสายรุ้ง
5.แล้วลากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งที่เราต้องการทำภาพสายรุ้ง
6.ปรับ Opacity ให้เป็นเปอร์เซ็นต์ก็ได้ตามที่เราต้องการ เพื่อให้เข้ากับภาพ
ทำภาพสามมิติ (เจียว)
1.เข้า File/Open เลือกรูป
2.เข้าแถบเครื่องมือด้านซ้ายหัวข้อที่ 3 เลือก Magnetic Lasso Tool L
3.แล้วตัดภาพให้เป็นเส้นปะ
4.เข้า File/New ตั้งเป็น 400,300,300 กด OK
5.เลือกสีตรงแถบเครื่องมือด้านซ้ายตัวรองสุดท้าย
6.เข้า Filter/Render เลือก Clouds
7.เข้า Filter/Stylize เลือก Extrude ตั้งเป็น 0,100 คลิก Solid Front Faces
8.แล้วลากภาพเรามาใส่ในแถบสีเทาด้านบน
9.แล้วเราไปเลือกตรงแถบเครื่องมือด้านซ้ายตัวที่ n คลิกขวาเลือก Eraser Tool E เพื่อที่จะลบ
ทำก้อนเมฆ (แหม่ม)
1.เข้า File/New ตั้งค่าเท่าไหร่ก็ได้
2.เปลี่ยนสีตรงแถบเครื่องมือตัวรองสุดท้าย เลือกสีตามใจเรา
3.เข้าแถบเครื่องมือด้านซ้ายตัวที่ 12 บนตัวหยดน้ำ เลือก Gradient Tool G คลิกแถบเครื่องมือด้านบนตัวที่ 2 คลิก เลือก Reset Gradients เลือกตัวแรก
4.ลากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งตามที่เราต้องการ
5.เปลี่ยน Background ให้เป็น Layer 0
6.สร้าง Layer ขึ้นมาอีก 1 Layer
7.เปลี่ยนสีตรงแถบเครื่องมือตัวรองสุดท้าย เลือกสีตามใจเรา เปลี่ยนสีดำ,ขาว
8.เข้า Filter/Render เลือก Clouds
9.เข้า Filter/Render เลือก Difference Clouds
10.กด คอนโทรล F
11.กด คอนโทรล L เปลี่ยน ช่องแรก 30,1.00,100 กด OK
12.คลิกขวา Layer 1 เลือก Duplicate Layer กด OK
13.เข้า Filter/Stylize เลือก Extrude ตั้งค่าช่องแรก 2,30 คลิก Level-based กด OK
14.เปลี่ยน Normal เป็น Screen ทั้ง 2 Layer
15.เข้า Filter/Blur เลือก Gaussian Blur ตั้งเป็น 1.9 กด OK
16.เข้าแถบเครื่องมือด้านซ้ายตัวที่ 8 ภู่กัน คลิกขวาเลือก Eraser Tool E คลิกแถบเครื่องมือด้านบนช่อง 2 เปลี่ยนเป็น 9 pixel และเปลี่ยน Flow 10% แล้วคลิกตรงขอบก้อนเมฆ
17.เข้า Filter/Blur เลือก Gaussian Blur ตั้งเป็น 7 กด OK
18.แล้วเราก็ลากรูปมาใส่ เปลี่ยน Normal เป็น Screen
ทำภาพเบลอหลังภาพถ่าย (โอม)
1.เข้า File/Open เลือกรูปที่เราต้องการ
2.กด Ctrl + J เพื่อ Copy Layer
3.เข้า Filter/Blur/Gaussian Blur
4.ปรับระดับภาพเบลอตามที่ต้องการ
5.กดที่ Add Vector Mask จะเห็นได้ว่าจะมี Layer ซ้อนขึ้นมา
6.ทำการสลับสีโดยกด X ให้สีดำอยู่ด้านบน
7.ทำการ Brush ตรงที่เราไม่ต้องการเบลอ
ทำภาพสเก็ต (เอ๋)
1.เข้า File/Open เลือกรูปที่ต้องการ
2.คลิกขวาตรง Background เลือก Duplicate Layer แล้วกด OK
3.กด Shift + Ctrl
4.กด Ctrl + J กด Ctrl + i
5.ดับเบิ้ลคลิกที่ Background เปลี่ยน Normal เป็น Color Dodge แล้วกด OK
6.เข้า Filter/Blur เลือก Gaussian Blur
7.ปรับตามที่เราต้องการ
ทำภาพฉีก (เต้)
1.เข้า File/Open เลือกรูปที่ต้องการ
2.ใช้เครื่องมือ Lasso Tool แล้วเริ่มการตัด โดยเลือกส่วนที่เราต้องการให้ภาพนั้นมีรอยฉีก
3.สร้างหน้ากระดาษขึ้นมา โดยเลือกขนาดของ Layer ตามขนาดที่ตัวเองต้องการ
4.นำภาพที่ตัดแล้วมาใส่ใน Layer ใหม่ จากนั้นจัดขนาดของภาพ
5.ลงสี Background โดยนำเมาส์ไปคลิกที่ Background ที่อยู่ข้างล่างภาพ จากนั้นไปที่เครื่องมือ Gradient Tool แล้ว เลือกสีตามใจชอบ
1.เข้า File/New ตั้งค่าเท่าไหร่ก็ได้
2.เปลี่ยนสีตรงแถบเครื่องมือตัวรองสุดท้าย เลือกสีตามใจเรา
3.เข้าแถบเครื่องมือด้านซ้ายตัวที่ 12 บนตัวหยดน้ำ เลือก Gradient Tool G คลิกแถบเครื่องมือด้านบนตัวที่ 2 คลิก เลือก Reset Gradients เลือกตัวแรก
4.ลากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งตามที่เราต้องการ
5.เปลี่ยน Background ให้เป็น Layer 0
6.สร้าง Layer ขึ้นมาอีก 1 Layer
7.เปลี่ยนสีตรงแถบเครื่องมือตัวรองสุดท้าย เลือกสีตามใจเรา เปลี่ยนสีดำ,ขาว
8.เข้า Filter/Render เลือก Clouds
9.เข้า Filter/Render เลือก Difference Clouds
10.กด คอนโทรล F
11.กด คอนโทรล L เปลี่ยน ช่องแรก 30,1.00,100 กด OK
12.คลิกขวา Layer 1 เลือก Duplicate Layer กด OK
13.เข้า Filter/Stylize เลือก Extrude ตั้งค่าช่องแรก 2,30 คลิก Level-based กด OK
14.เปลี่ยน Normal เป็น Screen ทั้ง 2 Layer
15.เข้า Filter/Blur เลือก Gaussian Blur ตั้งเป็น 1.9 กด OK
16.เข้าแถบเครื่องมือด้านซ้ายตัวที่ 8 ภู่กัน คลิกขวาเลือก Eraser Tool E คลิกแถบเครื่องมือด้านบนช่อง 2 เปลี่ยนเป็น 9 pixel และเปลี่ยน Flow 10% แล้วคลิกตรงขอบก้อนเมฆ
17.เข้า Filter/Blur เลือก Gaussian Blur ตั้งเป็น 7 กด OK
18.แล้วเราก็ลากรูปมาใส่ เปลี่ยน Normal เป็น Screen
ทำภาพเบลอหลังภาพถ่าย (โอม)
1.เข้า File/Open เลือกรูปที่เราต้องการ
2.กด Ctrl + J เพื่อ Copy Layer
3.เข้า Filter/Blur/Gaussian Blur
4.ปรับระดับภาพเบลอตามที่ต้องการ
5.กดที่ Add Vector Mask จะเห็นได้ว่าจะมี Layer ซ้อนขึ้นมา
6.ทำการสลับสีโดยกด X ให้สีดำอยู่ด้านบน
7.ทำการ Brush ตรงที่เราไม่ต้องการเบลอ
ทำภาพสเก็ต (เอ๋)
1.เข้า File/Open เลือกรูปที่ต้องการ
2.คลิกขวาตรง Background เลือก Duplicate Layer แล้วกด OK
3.กด Shift + Ctrl
4.กด Ctrl + J กด Ctrl + i
5.ดับเบิ้ลคลิกที่ Background เปลี่ยน Normal เป็น Color Dodge แล้วกด OK
6.เข้า Filter/Blur เลือก Gaussian Blur
7.ปรับตามที่เราต้องการ
ทำภาพฉีก (เต้)
1.เข้า File/Open เลือกรูปที่ต้องการ
2.ใช้เครื่องมือ Lasso Tool แล้วเริ่มการตัด โดยเลือกส่วนที่เราต้องการให้ภาพนั้นมีรอยฉีก
3.สร้างหน้ากระดาษขึ้นมา โดยเลือกขนาดของ Layer ตามขนาดที่ตัวเองต้องการ
4.นำภาพที่ตัดแล้วมาใส่ใน Layer ใหม่ จากนั้นจัดขนาดของภาพ
5.ลงสี Background โดยนำเมาส์ไปคลิกที่ Background ที่อยู่ข้างล่างภาพ จากนั้นไปที่เครื่องมือ Gradient Tool แล้ว เลือกสีตามใจชอบ
การลง Windows
1.เอาแผ่นใส่แล้วกด Restart แล้วกด F10
2.เลื่อนลูกศรไปที่ Bootแล้วเลื่อนลูกศรลงขางล่างเลือก Boot Dcvice Priority แล้วกด Enter
3.กดปุ่มไหนก็ได้
4.กด Escเพื่อจะกลับไปไดล์ Cกด Dเพื่อจะ Deleteไดล์ C แล้วกด Enterแล้วกด L
5.กด C กด Enter เลื่อนลูกศรขึ้นข้างบนสุดตัวที่ 1 กดEnterกด Fแล้วก็รอ
6.แล้วมันจะขึ้นหน้าจอ Windows xp Professional Setup ให้เราตั้งชื่อเป็น IT15 โดยไม่ต้องตั้ง Password แล้วกด Enter
7.แล้วมันจะขึ้นหน้าจอ Display Settings แล้วกด OK
8.แล้วมันจะขึ้นหน้าจอ Monitor Settings แล้วกด OK
9.แล้วมันจะขึ้นหน้าจอ Welcome to Microsoft Windows แล้วกด Next
10.แล้วมันจะขึ้นหน้าจอ Help protect your Pc ให้คลิ๊กตัวที่ 2 คือ Not right now แล้วกด Next
11.แล้วมันจะขึ้นหน้าจอ Who will use this computcr? ใรตังชื่อตรง Your name แล้วกด Next
12.กด Finish
13.คลิ๊กขวาเลือก Properties
14.แล้วมันจะขึ้นหน้าจอ Display Properties เลือก Desktop
15.แล้วมันจะขึ้นหน้าจอ Display Properties เลือก Customize Desktop
16.แล้วมันจะขึ้นหน้าจอ Desktop ltems ให้เราคลิ๊กตรง My Documents My Network My Computer แล้วกด OK
17.แล้วมันจะขึ้นหน้าจอ Display Properties ให้กด OK
18.คลิ๊กขวาเลือก Properties
19.แล้วมันจะขึ้นหน้าจอ Display Properties เลือก Settings
20.คลิ๊กขวาเลือก Display Properties ปรับให้เป็น 1,024 แล้วกด OK และกด Yes
1.เอาแผ่นใส่แล้วกด Restart แล้วกด F10
2.เลื่อนลูกศรไปที่ Bootแล้วเลื่อนลูกศรลงขางล่างเลือก Boot Dcvice Priority แล้วกด Enter
3.กดปุ่มไหนก็ได้
4.กด Escเพื่อจะกลับไปไดล์ Cกด Dเพื่อจะ Deleteไดล์ C แล้วกด Enterแล้วกด L
5.กด C กด Enter เลื่อนลูกศรขึ้นข้างบนสุดตัวที่ 1 กดEnterกด Fแล้วก็รอ
6.แล้วมันจะขึ้นหน้าจอ Windows xp Professional Setup ให้เราตั้งชื่อเป็น IT15 โดยไม่ต้องตั้ง Password แล้วกด Enter
7.แล้วมันจะขึ้นหน้าจอ Display Settings แล้วกด OK
8.แล้วมันจะขึ้นหน้าจอ Monitor Settings แล้วกด OK
9.แล้วมันจะขึ้นหน้าจอ Welcome to Microsoft Windows แล้วกด Next
10.แล้วมันจะขึ้นหน้าจอ Help protect your Pc ให้คลิ๊กตัวที่ 2 คือ Not right now แล้วกด Next
11.แล้วมันจะขึ้นหน้าจอ Who will use this computcr? ใรตังชื่อตรง Your name แล้วกด Next
12.กด Finish
13.คลิ๊กขวาเลือก Properties
14.แล้วมันจะขึ้นหน้าจอ Display Properties เลือก Desktop
15.แล้วมันจะขึ้นหน้าจอ Display Properties เลือก Customize Desktop
16.แล้วมันจะขึ้นหน้าจอ Desktop ltems ให้เราคลิ๊กตรง My Documents My Network My Computer แล้วกด OK
17.แล้วมันจะขึ้นหน้าจอ Display Properties ให้กด OK
18.คลิ๊กขวาเลือก Properties
19.แล้วมันจะขึ้นหน้าจอ Display Properties เลือก Settings
20.คลิ๊กขวาเลือก Display Properties ปรับให้เป็น 1,024 แล้วกด OK และกด Yes
วันจันทร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2553
งานเทคโนโลยีใหม่ๆ ของครูอำนาจ
Virtual Laser Keyboard นวัตกรรมใหม่ ประหยัดพื้นที่
The Virtual Laser Keyboard (VKB) ใช้ เทคโนโลยี อิทฟราเรด และ เลเซอร์ ในการสร้างตาราง คีย์บอร์ด ที่ดูเหมือนๆกับ คีย์บอร์ด ที่เราใช้กันปกติทั่วไป คีย์บอร์ดอินฟราเรดนี้ สามารถใช้ ได้บนพื้นผิวที่ไหนก็ได้ ที่เป็นพื้นเรียบ
คุณสามารถใช้คีย์บอร์ดนี้กับ PC,Laptop,มือถือ และ PDA ได้ เมื่อคุณกดลงไปยังรูปคีย์บอร์ดมันก็จะแสดงผลเหมือนกับ คุณ กดคีย์บอร์ดธรรมดานะครับ
เทคโนโลยี optical recognition ทำให้ คุณสามารถกดนิ้วบนรูปภาพ และ ยังมีเสียง ประกอบเสมือนจริงอีกด้วย
ขนาดของ ตัวโปรเจคเตอร์ของคียบอร์ดนี้ ก็ ประมาน มือถือ ปกติ (90 x 34 x 24 mm) ซึ่งทำให้สามารถพกไปไหนก็ได้ตามสะดวก ซึ่งทำให้คุณสามารถ จะพิมพ์ งาน หรือ e-mail บนมือถือ ได้ อย่างรวดเร็ว
และสะดวกสบาย และเมื่อท่านไม่ได้ใช้คีย์บอร์ด นี้ มันก็จะ ปิด แสงโดยอัตโนมัต แต่เมื่อ ท่านเอามือผ่านไป มันก็จะ กลับมา ฉายแสง เหมือนเดิม
ข้อมูลเกี่ยวกับ VKB ระบบเสียง : ระบบเสียงเหมือนจริง สามารถควบคุมและปรับเปลี่ยนได้
การเชื่อมต่อ : ใช้ bluetooth เชื่อมต่อ [ มั้ง ]
ความเข้มข้น : ความเข้มข้นของแสงสามารถปรับได้
ระยะเวลาการใช้งาน : ขึ้นอยู่กับการ ถนอม แบตเตอร์รี่
การตอบโต้ : ความเร็วของการตอบโต้สามาระปรับได้
ความต่อเนื่อง : ระบบการพิมพ์ต่อเนื่อง จะจัดการเอง โดยอัตโนมัติ
Credit http://dekd.com/board/view.php?id=716951
Virtual Laser Keyboard คีย์บอร์ด Laser ไร้สาย
* สามารถใช้งานได้กับทั้งคอมพิวเตอร์แบบ Desktop และ Notebook
* สามารถใช้งานร้วมกับอุปกรณ์จำพวก computers, smart phones, desktop tablets/UMPC, และ PDAs/PMPs.
* ระบบการรับส่งข้อมูลมีความแม่นยำสูง
* สามารถปรับรูปแบบได้ถึง 3 ประเภทคีย์บอร์ด.
ข้อมูลทางเทคนิค
* Primary Function: Projection Keyboard and Mouse
* Light Source: Red laser diode
* Keyboard layout: 17mm sized QWERTY layout
* Keyboard size: Approx. 240mm*105mm
* Illumination: Visible in incandescent light of 1800 lux or more
* Power source: Internal lithium ion battery
* สามารถใช้งานได้กับระบบปฏิบัติการ ดังต่อไปนี้:
- Microsoft Windows Mobile 2003 Pocket PC, Smartphone
- Microsoft Windows Mobile 5.0 Pocket PC, Smartphone
- Microsoft Windows Mobile 6.0 Pocket PC, Smartphone
- Palm OS 5.x
- RIM OS for Blackberry
- Microsoft Windows 2000/XP/Vista (32 bit version only)
- Symbian OS s60 3rd Edition (for Nokia)
รายละเอียดเพิ่มเติม
* LaserKey Projection Keyboard
* English user manual
* AC adapter 100-240V, 50/60Hz
* Carrying case
* USB cable
* CD (includes drivers for Blackberry, Palm, PC, PocketPC, Smartphone, and Symbian, as well as English and Korean user manuals)
Credit : http://www.pramool.com/cgi-bin/dispitem.cgi?6211295
คุณจะพบกับการพิมพ์ที่แสนจะง่ายดายบนสมาร์ทโฟนหรือพีดีเอโฟน ด้วย Bluetooth Laser Virtual Keyboard ผลิต โดย i-Tech
ลักษณะโดยทั่วๆ ไป Bluetooth Laser Virtual Keyboard จะเป็นคีย์บอร์ดแบบขนาดมาตรฐานทั่วไป Full Size โดยทำงานบนพื้นเรียบ เปรียบเสมือนกับการที่เราใช้คีย์บอร์ดจริงๆ เลยทีเดียว สำหรับคำติชม จะเป็นเรื่องของเสียงคลิกที่มันจะดังขณะที่เรากดลงไป
Bluetooth Laser Virtual Keyboard ตัวเครื่องมีขนาดเท่ากับบัตรเครดิต ซึ่งคุณสามารถสั่งซื้อได้ทาง Amazon สนนราคา $ 149.99 USD หรือประมาณ 4800 บาทเท่านั้นเอง โดยที่คุณสามารถจะเชื่อมต่อเข้ากับ สมาร์ทโฟน พีดีโฟน หรือเครื่องคอมพิวเตอร์ แป้นพิมพ์มีการตอบสนองที่รวดเร็ว (ประมาณ 400 คีย์ต่อนาที) เปรียบได้กับแป้นพิมพ์จริงๆ แต่ว่าไม่แนะนำให้ใช้ระหว่างการประชุม ในสำนักงาน เนื่องจากว่าเสียงคลิกมันดังมาก
คุณสมบัติ
• Bluetooth specification v1.1 class 2 Supports BT HID and SPP profiles
• Connects to PDAs Smartphones and Computers using Bluetooth
• Projects a full size keyboard onto any flat surface
• Allows the convenience of regular keyboard typing in a tiny form factor
• Tiny size only 3.5 inches high
• Compatible with PalmOS 5, PocketPC 2003, Windows Smartphone, Symbian OS, and Windows 2000/XP. Limited Mac OSX Support.
• Detection rate of up to 400 characters per minute
• Battery capacity: up to 120 minutes continuous typing
• Full size wire-free QWERTY keyboard projection at the touch of a button
Credit : http://www.meedee.net/news/itech/it-news/4282
วันพฤหัสบดีที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2553
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
MY BEST FRIDNE
อยากให้เธออยู่ตรงนี้
เป็นเพื่อนที่แสนดีข้างๆฉัน
มีความรู้สึกดีๆมาแบ่งปัน
เป็นกำลังใจให้กันและกันตลอดไป...
ฤดูกาลผันผ่าน
อาจเปลี่ยนวันวานตามไปได้
แต่ตราบใดภาษาไม่เปลี่ยนไป
คำว่า เพื่อน เขียนอย่างไร
ความหมายย่อมเหมือนเดิม...
คำว่าเพื่อนมีความหมายมากมายน่ะ
แปลว่า รัก ภักดี มีใจให้
แปลว่า คอย ห่วงหา และอาลัย
แปลว่ามีอภัยให้แก่กัน...
แม้ไม่ได้เจอกันทุกวัน
แม้ไม่ได้เห็นหน้ากันทุกคืน
แต่มิตรภาพที่หยิบยื่น
คือความพอดีของความผูกผัน
กับวันเวลาที่ผ่านมาช่วยทำให้เรารู้ซึ้งว่า เพื่อนมีค่าแค้ไหน
แม้เวลาหมุนเวียนเปลี่ยนไป
แต่ความรู้สึกดี - ดีในใจ จะคงอยู่ตลอดไปไม่มี
เป็นเพื่อนที่แสนดีข้างๆฉัน
มีความรู้สึกดีๆมาแบ่งปัน
เป็นกำลังใจให้กันและกันตลอดไป...
ฤดูกาลผันผ่าน
อาจเปลี่ยนวันวานตามไปได้
แต่ตราบใดภาษาไม่เปลี่ยนไป
คำว่า เพื่อน เขียนอย่างไร
ความหมายย่อมเหมือนเดิม...
คำว่าเพื่อนมีความหมายมากมายน่ะ
แปลว่า รัก ภักดี มีใจให้
แปลว่า คอย ห่วงหา และอาลัย
แปลว่ามีอภัยให้แก่กัน...
แม้ไม่ได้เจอกันทุกวัน
แม้ไม่ได้เห็นหน้ากันทุกคืน
แต่มิตรภาพที่หยิบยื่น
คือความพอดีของความผูกผัน
กับวันเวลาที่ผ่านมาช่วยทำให้เรารู้ซึ้งว่า เพื่อนมีค่าแค้ไหน
แม้เวลาหมุนเวียนเปลี่ยนไป
แต่ความรู้สึกดี - ดีในใจ จะคงอยู่ตลอดไปไม่มี