วันเสาร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

วิธีการ Config Access Point D-Link DIR-600
1.ไปที่ My Network Places คลิกขวาที่ Local Area Connection ไปที่ Properties > Ceneral > Client For Microsoft Network,Internet Properties
2.คลิกที่ Use the following IP address
-ใส่ IP address 192.168.1.2
-ใส่ Subnet mask 255.255.255.0
-ใส่ Default gatway 192.168.1.1
ติ๊ก Use the following DNS sever address
ใส่ Preferred DNE eerver 192.168.1.1
3.เข้าไปที่ Browser เพื่อตั้งค่า Access Point โดยพิมพ์ 192.168.1.1 แล้วมันจะโชว์หน้าต่างให้กรอก
Use name และ password แล้วมันจะโชว์หน้าต่าง Wireless Access Point Setup คลิกที่ Advanced > Wireless Setting เลือกโหมดเป็น Client กด Apply กด OK. ติ๊กที่ Site Survey คลิก Refresh
แล้วมันจะโชว์หน้าต่าง Wireless Access Point ให้คลิกที่ CBE > Connect > OK.
4.ไปที่ LAN Setting > Setup IP address เป็น 192.168.0.205 เปลี่ยน Default Geteway เป็น
192.168.0.1 แล้วก็เปลี่ยน DHDP Client Range เป็น 192.168.0.210 และ 192.168.0.225 > Apply > OK. หมายเหตุ: ถ้าคุณจะตั้งค่า Access Point ใหม่ให้ Refresh
5.ไปที่ Local Area Connection > Properties > General คลิกที่ Obtain an IP address automatically > OK.
6.ไปที่ Local Area Connection คลิกขวาที่ Status เพื่อเช็คสถานะของInternet

วันอาทิตย์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2553


หุ่นยนต์กู้ภัย
เด็กไทยสร้างชื่อในวงการหุ่นยนต์ขึ้นอีกครั้ง สามารถคว้าแชมป์โลก 2 รายการ คือ หุ่นยนต์กู้ภัยและหุ่นยนต์เตะฟุตบอล ในการแข่งขัน World Robo Cup 2010 หรือการแข่งขันหุ่นยนต์ระดับโลก จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 14 ที่ปีนี้จัดขึ้นที่ประเทศสิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 21-24 มิ.ย. ชัยชนะดังกล่าวถือว่าเป็นการป้องกันแชมป์ของประเทศไทย
สำหรับการแข่งขันหุ่นยนต์ระดับโลกปีนี้มีการแข่งขันแบ่งเป็น 4 ประเภท ได้แก่ หุ่นยนต์เตะฟุตบอล (RoboCup Soccer) หุ่นยนต์กู้ภัย (RoboCup Rescue) หุ่นยนต์ทำงานบ้าน (RoboCup @Home) และหุ่นยนต์ระดับเยาวชนอายุไม่เกิน 18 ปี (RoboCup Junior) มีผู้สมัครเข้าแข่งขันรวมทุกประเภทกว่า 3,000 คน จากกว่า 40 ประเทศทั่วโลก
ประเภททีมหุ่นยนต์กู้ภัย ปรากฏว่าทีมจากเยาวชนไทย iRAP_PRO มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ สร้างชื่อก้องโลกอีกครั้ง ครองแชมป์โลกติดต่อกัน 2 ปีซ้อน รักษาแชมป์โลกให้ประเทศไทยได้สำเร็จเป็นสมัยที่ 5 ในการแข่งขัน ด้วยผลงานโดดเด่นโดนใจผู้ชมทั้งสนาม ทำคะแนนนำตลอดตั้งแต่รอบคัดเลือกจนถึงรอบชิงชนะเลิศ พร้อมทีมจากมหาวิทยาลัยมหิดลและเทคโนโลยีราชมงคล ครองอันดับ 2 ร่วมกัน ออสเตรเลียและญี่ปุ่นรั้งอันดับ 4 และ 5
นางวีนัส อัศวสิทธิถาวร ผู้อำนวยการสำนักงานสื่อสารองค์กร เอสซีจี ในฐานะผู้สนับสนุนการแข่งขันหุ่นยนต์กู้ภัย ร่วมกับสมาคมวิชาการหุ่นยนต์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ทีมเยาวชนไทย iRAP_PRO มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ สามารถคว้าแชมป์โลกหุ่นยนต์กู้ภัยได้อย่างสมศักดิ์ศรีเป็นปีที่ 2 นับเป็นการรักษาแชมป์โลกให้ประเทศไทยได้สำเร็จเป็นสมัยที่ 5 ในเวทีหุ่นยนต์กู้ภัยระดับโลก โดย iRAP_PRO ทำคะแนนนำตลอดทุกรอบการแข่งขัน รวม 740 คะแนน
ส่วนทีม BART LAB Rescue จากมหาวิทยาลัยมหิดล และทีม Success มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ ศาลายา มีคะแนนรวมเท่ากัน 530 คะแนน ครองอันดับ 2 ร่วมกัน ทีม CASualty จากประเทศออสเตรเลีย ตามมาเป็นอันดับ 4 พร้อมคว้ารางวัลพิเศษ หุ่นยนต์อัตโนมัติยอดเยี่ยม และหุ่นยนต์บังคับมือยอดเยี่ยม สำหรับทีม PELICAN UNITED จากประเทศญี่ปุ่น ครองอันดับ 5 พร้อมคว้ารางวัลเทคนิคยอดเยี่ยม
"ในฐานะผู้สนับสนุน เอสซีจีรู้สึกภูมิใจในความสำเร็จในครั้งนี้ เพราะต่างชาติทึ่งและยอมรับในความสามารถของเยาวชนไทยมากขึ้น" ผอ.ฝ่ายสื่อสารองค์กร เอสซีจี กล่าว
ผศ.ดร.จักรกฤษณ์ ศุทธากรณ์ นายกสมาคมวิชาการหุ่นยนต์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศวันนี้ แสดงถึงศักยภาพของเยาวชนไทยอย่างแท้จริง สิ่งสำคัญที่ทำให้เยาวชนไทยทั้ง 3 ทีม ทำคะแนนอยู่ในอันดับต้นๆ และสามารถชนะทีมต่างชาติได้ คือ การเตรียมความพร้อมเต็มที่ก่อนแข่งขัน
"การเป็นแชมป์หุ่นยนต์กู้ภัยโลกเป็นสิ่งที่ท้าทาย แต่การรักษาแชมป์โลกสมัยที่ 5 เป็นสิ่งที่ยากยิ่งกว่า เพราะคู่แข่งจากประเทศอื่นๆ มีความสามารถและความพร้อมสูง ทั้งยังเป็นประเทศผู้นำเทคโนโลยี เช่น ญี่ปุ่น เยอรมนี ออสเตรเลีย และอิหร่าน และทีมเหล่านี้ได้ให้ความสนใจบันทึกภาพและข้อมูลทีมไทยเพื่อนำไปศึกษาด้วย ทางสมาคมฯ รู้สึกภูมิใจในความสามารถเด็กไทยอย่างมาก และจะต่อยอดการพัฒนาหุ่นยนต์ไปประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับการใช้งานด้านต่างๆ ในอนาคตต่อไป" ผศ.ดร.จักรกฤษณ์กล่าว
ด้านนายคฑาวุฒิ อุชชิน หรือน้องโฟม หัวหน้าทีม iRAP_PRO นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ กล่าวด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจหลังได้รับชัยชนะว่า พวกเราทุ่มเทและเตรียมความพร้อมก่อนแข่งขันมากกว่า 6 เดือน โดยทีมงานได้แบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบกันเป็นอย่างดี ทำให้สามารถทำงานภายในเวลาอันสั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนตัวเขาทำหน้าที่เป็นผู้บังคับหุ่นยนต์
"ความยากอยู่ที่เราไม่สามารถมองเห็นหุ่นยนต์โดยตรง ต้องมองจากกล้องซึ่งมีความคลาดเคลื่อนสูง แต่เราได้ฝึกซ้อมอย่างจริงจังและสม่ำเสมอจึงทำได้ค่อนข้างสมบูรณ์ การแข่งขันครั้งนี้ไม่ได้มุ่งหวังชัยชนะเพียงอย่างเดียว สิ่งสำคัญคือประสบการณ์ที่หาไม่ได้ในห้องเรียน และความรู้เพิ่มเติมที่ได้จากการแลกเปลี่ยนกับทีมต่างชาติ หลังจากนี้ก็จะมีรุ่นน้องมาสานต่อองค์ความรู้และพัฒนาสมรรถนะหุ่นยนต์ให้ดีและมีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น" น้องโฟมกล่าว
สำหรับการแข่งขันในประเภทหุ่นยนต์กู้ภัย มีผู้เข้าแข่งขันทั้งหมด 27 ทีมจาก 12 ประเทศทั่วโลก ได้แก่ ญี่ปุ่น เยอรมนี ออสเตรเลีย อิหร่าน จีน เม็กซิโก มาเลเซีย สิงคโปร์ ปากีสถาน อังกฤษ สหรัฐอเมริกา และไทย โดยเอสซีจีสนับสนุน 2 ทีมเยาวชนไทย ได้แก่ ทีม BART LAB Rescue มหาวิทยาลัยมหิดล (แชมป์ประเทศไทย ปี 2552) และทีม iRAP_PRO มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (แชมป์ประเทศไทย ปี 2551 และแชมป์โลก ปี 2552)
สำหรับการแข่งขันหุ่นยนต์เตะฟุตบอลระดับโลกรุ่นหุ่นยนต์ระดับเล็ก ที่แข่งพร้อมกันที่สิงคโปร์ มีรายงานล่าสุดว่า ทีม SKUBA จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สามารถคว้ารางวัลเทคนิคยอดเยี่ยมมาครองได้สำเร็จตามความคาดหมาย ประกาศศักดาเป็นแชมป์โลก 2 สมัยซ้อนอย่างสวยงามโดยมีผู้ร่วมเข้าแข่งขัน 10 ประเทศ รวม 18 ทีม
ทีม SKUBA แชมป์โลก ปี 2009 สามารถโค่นทีมคู่แข่งจากประเทศมหาอำนาจด้านเทคโนโลยี และแชมป์โลก 4 สมัย ซีเอ็มดรากอน สหรัฐอเมริกา ด้วยคะแนน 6 ประตูต่อ 1 คว้าแชมป์โลกหุ่นยนต์เตะฟุตบอลขนาดเล็ก หรือรุ่นสมอลล์ไซส์ลีก ได้เป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน ส่วนตำแหน่งรองชนะเลิศเป็นของทีมซีเอ็มดรากอน จากสหรัฐอเมริกา และที่ 3 ทีม MRL จากอิหร่าน.

วันอังคารที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2553

คุณสมบัติของ PHP
การแสดงผลของพีเอชพี จะปรากฏในลักษณะHTML ซึ่งจะไม่แสดงคำสั่งที่ผู้ใช้เขียน ซึ่งเป็นลักษณะเด่นที่พีเอชพีแตกต่างจากภาษาในลักษณะไคลเอนต์-ไซด์ สคริปต์ เช่น ภาษาจาวาสคริปต์ ที่ผู้ชมเว็บไซต์สามารถอ่าน ดูและคัดลอกคำสั่งไปใช้เองได้ นอกจากนี้พีเอชพียังเป็นภาษาที่เรียนรู้และเริ่มต้นได้ไม่ยาก โดยมีเครื่องมือช่วยเหลือและคู่มือที่สามารถหาอ่านได้ฟรีบนอินเทอร์เน็ต ความสามารถการประมวลผลหลักของพีเอชพี ได้แก่ การสร้างเนื้อหาอัตโนมัติจัดการคำสั่ง การอ่านข้อมูลจากผู้ใช้และประมวลผล การอ่านข้อมูลจากดาต้าเบส ความสามารถจัดการกับคุกกี้ ซึ่งทำงานเช่นเดียวกับโปรแกรมในลักษณะCGI คุณสมบัติอื่นเช่น การประมวลผลตามบรรทัดคำสั่ง (command line scripting) ทำให้ผู้เขียนโปรแกรมสร้างสคริปต์พีเอชพี ทำงานผ่านพีเอชพี พาร์เซอร์ (PHP parser) โดยไม่ต้องผ่านเซิร์ฟเวอร์หรือเบราว์เซอร์ ซึ่งมีลักษณะเหมือนกับ Cron (ใน ยูนิกซ์หรือลีนุกซ์) หรือ Task Scheduler (ในวินโดวส์) สคริปต์เหล่านี้สามารถนำไปใช้ในแบบ Simple text processing tasks ได้
การแสดงผลของพีเอชพี ถึงแม้ว่าจุดประสงค์หลักใช้ในการแสดงผล HTML แต่ยังสามารถสร้าง XHTML หรือ XML ได้ นอกจากนี้สามารถทำงานร่วมกับคำสั่งเสริมต่างๆ ซึ่งสามารถแสดงผลข้อมูลหลัก PDF แฟลช (โดยใช้ libswf และ Ming) พีเอชพีมีความสามารถอย่างมากในการทำงานเป็นประมวลผลข้อความ จาก POSIX Extended หรือ รูปแบบ Perl ทั่วไป เพื่อแปลงเป็นเอกสาร XML ในการแปลงและเข้าสู่เอกสาร XML เรารองรับมาตราฐาน SAX และ DOM สามารถใช้รูปแบบ XSLT ของเราเพื่อแปลงเอกสาร XMLเมื่อใช้พีเอชพีในการทำอีคอมเมิร์ซ สามารถทำงานร่วมกับโปรแกรมอื่น เช่น Cybercash payment, CyberMUT, VeriSign Payflow Pro และ CCVS functions เพื่อใช้ในการสร้างโปรแกรมทำธุรกรรมทางการเงิน

การรองรับพีเอชพี
คำสั่งของพีเอชพี สามารถสร้างผ่านทางโปรแกรมแก้ไขข้อความทั่วไป เช่น โน้ตแพด หรือ vi ซึ่งทำให้การทำงานพีเอชพี สามารถทำงานได้ในระบบปฏิบัติการหลักเกือบทั้งหมด โดยเมื่อเขียนคำสั่งแล้วนำมาประมวลผล Apache, Microsoft Internet Information Services (IIS) , Personal Web Server, Netscape และ iPlanet servers, Oreilly Website Pro server, Caudium, Xitami, OmniHTTPd, และอื่นๆ อีกมากมาย. สำหรับส่วนหลักของ PHP ยังมี Module ในการรองรับ CGI มาตรฐาน ซึ่ง PHP สามารถทำงานเป็นตัวประมวลผล CGI ด้วย และด้วย PHP, คุณมีอิสรภาพในการเลือก ระบบปฏิบัติการ และ เว็บเซิร์ฟเวอร์ นอกจากนี้คุณยังสามารถใช้สร้างโปรแกรมโครงสร้าง สร้างโปรแกรมเชิงวัตถุ (OOP) หรือสร้างโปรแกรมที่รวมทั้งสองอย่างเข้าด้วยกัน แม้ว่าความสามารถของคำสั่ง OOP มาตรฐานในเวอร์ชันนี้ยังไม่สมบูรณ์ แต่ตัวไลบรารีทั้งหลายของโปรแกรม และตัวโปรแกรมประยุกต์ (รวมถึง PEAR library) ได้ถูกเขียนขึ้นโดยใช้รูปแบบการเขียนแบบ OOP เท่านั้น
พีเอชพีสามารถทำงานร่วมกับฐานข้อมูลได้หลายชนิด ซึ่งฐานข้อมูลส่วนหนึ่งที่รองรับได้แก่ ออราเคิล dBase PostgreSQL IBM DB2 MySQL Informix ODBC โครงสร้างของฐานข้อมูลแบบ DBX ซึ่งทำให้พีเอชพีใช้กับฐานข้อมูลอะไรก็ได้ที่รองรับรูปแบบนี้ และ PHP ยังรองรับ ODBC (Open Database Connection) ซึ่งเป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อฐานข้อมูลที่ใช้กันแพร่หลายอีกด้วย คุณสามารถเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลต่างๆ ที่รองรับมาตรฐานโลกนี้ได้
พีเอชพียังสามารถรองรับการสื่อสารกับการบริการในโพรโทคอลต่างๆ เช่น LDAP IMAP SNMP NNTP POP3 HTTP COM (บนวินโดวส์) และอื่นๆ อีกมากมาย คุณสามารถเปิด Socket บนเครื่อข่ายโดยตรง และ ตอบโต้โดยใช้ โพรโทคอลใดๆ ก็ได้ PHP มีการรองรับสำหรับการแลกเปลี่ยนข้อมูลแบบ WDDX Complex กับ Web Programming อื่นๆ ทั่วไปได้ พูดถึงในส่วน Interconnection, พีเอชพีมีการรองรับสำหรับ Java objects ให้เปลี่ยนมันเป็น PHP Object แล้วใช้งาน คุณยังสามารถใช้รูปแบบ CORBA เพื่อเข้าสู่ Remote Object ได้เช่นกัน
ความหมายของ PHP
พีเอชพี (PHP) คือ ภาษาคอมพิวเตอร์ในลักษณะเซิร์ฟเวอร์-ไซด์ สคริปต์ โดยลิขสิทธิ์อยู่ในลักษณะโอเพนซอร์ส ภาษาพีเอชพีใช้สำหรับจัดทำเว็บไซต์ และแสดงผลออกมาในรูปแบบ HTML โดยมีรากฐานโครงสร้างคำสั่งมาจากภาษา ภาษาซี ภาษาจาวา และ ภาษาเพิร์ล ซึ่ง ภาษาพีเอชพี นั้นง่ายต่อการเรียนรู้ ซึ่งเป้าหมายหลักของภาษานี้ คือให้นักพัฒนาเว็บไซต์สามารถเขียน เว็บเพจ ที่มีความตอบโต้ได้อย่างรวดเร็ว PHP คือภาษาโปรแกรมภษาหนึ่ง ซึ่งใช้ในการสร้างเว็บนั้นเอง มีความสามารถมากกว่า HTML มากกว่าเพราะ HTML เป็นเพียงแต่การแสดงผลด้านหน้าเว้บเท่านั้น ต่างจาก PHP ที่ทำงานในฝั่ง Server ด้วย โดยจะทำงานตามคำสั่งที่เขียนขึ้น แล้วทำการประมวลผลที่ Server จึงมีความสามารถที่จะประมวลผลได้หลากหลายจึงมีความนิยมเพื่อนำมาให้งานมากขึ้นเรื่อยๆ เพาะนอกจากความสามารถที่มากมายแล้วเป็นภาษาที่ใช้แบฟรีๆ ไม่เสียตังค์และสามารถที่จะให้งานกับ Server Linux จึงเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายอีกทางหนึ่งด้วย
ดังที่กล่าวมาแล้วว่า PHP เป็นภาษา จึงไม่สามารถที่จะรู้ได้ว่าสคิปที่เราเขียนนั้นเป็นอย่างไรด้วย เพราะถ้าหากเรามาดูไฟลืตั้นฉบับจึงไม่สามารถที่จะรู้ว่าเขียนอย่างไรบ้าง จะมีในลักษณะของไฟล์ HTML ออกมาแทน นอกจากจะนำไฟล์ที่อยู่ใน Server มาดูเอง เพราะไฟล์เหล่านั้นจะถูกทำงานที่ Server นั้นเอง ดังนั้นในการศึกษาหรือว่าผู้ที่เริ่มต้นในการเขียน PHP จึงมีการติดตั้งโปรแกรมจำลอง Server เอาไว้ เพื่อที่จะทำงานได้เสมือน Sever จำลองประมวลผล ภาษา PHP เป็นภาษาโปรแกรมภาษาหนึ่ง ที่ใช้เขียนแทรกไว้ภายในเอกสาร ภาษาอื่น เช่น เขียนแทรก PHP ไว้ภายใน ภาษา HTML เพื่อทำให้สามารถประมวลผลเพื่อสร้างเนื้อหาได้แบบไดนามิก ในอดีตโดยเป้าหมายหลักของ PHP คือ เป็นภาษาที่ใช้ในการพัฒนาเวบ (HTML) เท่านั้น แต่ในปัจจุบัน PHP ได้พัฒนาความสามารถมากขึ้น จนสามารถสร้างเอกสารไม่ไช่ HTML เช่น การสร้าง ภาพกราฟฟิก , สร้างเอกสาร PDF, สร้างภาพเคลื่อนไหวแบบ Flash จนถึงมีการนำ PHP มาใช้ในการพัฒนาโปรแกรมที่ทำงานเป็น Application คล้ายกับ VB หรือ Delphi ที่ทำได้ PHP เป็นภาษาแบบ Script Language การประมวลผลโปรแกรมที่เขียนด้วยภาษา PHP จึงจำเป็นต้องติดตั้งตัวแปลภาษา PHP ก่อน ซึ่งสามารถ Download และ ติดตั้งใช้งานได้ฟรี สำหรับตัวแปลภาษาของ PHP นั้นจะพัฒนาด้วยภาษาซี (C) คำสั่งภายในของ PHP จะถูกพัฒนาด้วยภาษา C เกือบทั้งหมด ดังนั้น ซึ่งโปรแกรมที่เขียนด้วยภาษา PHP จะไปเรียกใช้คำสั่งเหล่านั้น ทำให้โปรแกรมภาษา PHP ที่ถึงจะเป็นภาษา Script แต่ก็สามารถประมวลผลได้อย่างรวดเร็ว ไม่แพ้การเขียนโปรแกรมด้วยภาษาอื่น นอกจากนี้ เกือบทุกระบบปฏิบัติการที่มีอยู่ในปัจจุบันสามารถติดตั้ง ตัวแปลภาษา PHP ได้ ทำให้โปรแกรมที่สร้างด้วยภาษา PHP สามารถทำงานได้บนทุกระบบ โดยแทบไม่ต้องแก้ไข เช่น คุณสามารถพัฒนาโปรแกรม PHP บน Windows แล้ว นำไปติดตั้งบน Linux ได้เลย ข้อดีนอกจากจะเป็นภาษาที่ใช้งานได้ฟรีแล้ว ยังสามารถนำไปฟระยุกต์การใช้งานร่วมกับภาษาตัวอื่นๆได้อย่างไม่ยากเช่นกัน และสามารถที่จะเชื่อมตือ ฐานข้อมูล SQL เพื่อทำเว็บที่ต้องการข้อมูล และฐานข้อมูลในการเก็บรายละเอียดต่าง ในขั้นสูงได้ จึงเป็นที่นิยมกันมาก เพราะระบบเว็บส่วนใหญ่แล้วจะใช้ PHP ในการทำ และ CMS ต่างๆ ก็ได้นำพัฒนาเช่นกัน

วันจันทร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2553

หลักการในการทำงานของ PHP
ในปัจจุบัน Web site ต่าง ๆ ได้มีการพัฒนาในด้านต่างๆ อย่างรวดเร็ว อาทิเช่น เรื่องของความสวยงามและแปลกใหม่, การบริการข่าวสารข้อมูลที่ทันสมัย,เป็นสื่อกลางในการติดต่อ และสิ่งหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากซึ่ง อได้ว่าเป็นการปฏิวัติรูปแบบการ ขายของก็คือ E-commerce ซึ่งเจ้าของสินค้าต่างๆ ไม่จำเป็น ต้องมีร้านค้าจริงและไม่จำเป็นต้องจ้างคนขายของอีกต่อไปร้านค้าและตัวสินค้านั้น จะไปปรากฏอยู่บน Wed site และการซื้อขายก็เกิดขึ้นบนโลกของ Internet แล้ว PHP ช่วยเราให้เป็นการพัฒนา Web site และความสามารถที่โดดเด่นอีกประการ-หนึ่งของ PHP นั้น คือ database-enabled web page ทำให้เอกสารของ HTML สามารถที่ จะเชื่อมต่อกับระบบฐานข้อมูล (database)ได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว จึงทำให้ ความตองการในเรื่องการจัดรายการสินค้าและรับรายการสั่งของตลอดจนการจัดเก็บ ข้อมูลต่างๆ ที่สำคัญผ่านทาง Internet เป็นไปได้อย่างง่ายดาย

PHP เป็นภาษาจำพวก scripting language คำสั่งต่างๆจะเก็บอยู่ในไฟล์ที่เรียกว่า สคริปต์ (script) และเวลาใช้งานต้องอาศัยตัวแปลชุดคำสั่ง ตัวอย่างของภาษาสคริปก็เช่น JavaScript, Perl เป็นต้น ลักษณะของ PHP ที่แตกต่างจากภาษาสคริปต์แบบอื่นๆ คือ PHP ได้รับการพัฒนาและออกแบบมา เพื่อใช้งานในการสร้างเอกสารแบบ HTML โดยสามารถสอดแทรกหรือแก้ไขเนื้อหาได้โดยอัตโนมัติ ดังนั้นจึงกล่าวว่า PHP เป็นภาษาที่เรียกว่า server-side หรือ HTML-embedded scripting language เป็นเครื่องมือที่สำคัญชนิดหนึ่งที่ช่วยให้เราสามารถสร้างเอกสารแบบ Dynamic HTML ได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีลูกเล่นมากขึ้น

เนื่องจากว่า PHP ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของตัว Web Server ดังนั้นถ้าจะใช้ PHP ก็จะต้องดูก่อนว่า Web server นั้นสามารถใช้สคริปต์ PHP ได้หรือไม่ ยกตัวอย่างเช่น PHP สามารถใช้ได้กับ Apache WebServer และ Personal Web Server (PWP) สำหรับระบบปฏิบัติการ Windows 95/98/NT
ในกรณีของ Apache เราสามารถใช้ PHP ได้สองรูปแบบคือ ในลักษณะของ CGI และ Apache Module ความแตกต่างอยู่ตรงที่ว่า ถ้าใช้ PHP เป็นแบบโมดูล PHP จะเป็นส่วนหนึ่งของ Apache หรือเป็นส่วนขยายในการทำงานนั่นเอง ซึ่งจะทำงานได้เร็วกว่าแบบที่เป็น CGI เพราะว่า ถ้าเป็น CGI แล้ว ตัวแปลชุดคำสั่งของ PHP ถือว่าเป็นแค่โปรแกรมภายนอก ซึ่ง Apache จะต้องเรียกขึ้นมาทำงานทุกครั้ง ที่ต้องการใช้ PHP ดังนั้น ถ้ามองในเรื่องของประสิทธิภาพในการทำงาน การใช้ PHP แบบที่เป็นโมดูลหนึ่งของ Apache จะทำงานได้มีประสิทธิภาพมากกว่า

วันศุกร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2553

วิธีการลง Windows XP

1.เปิดเครื่อง สั่ง BIOS ให้ boot จาก CD-ROM หลังจาก exit และ save BIOS แล้วเครื่องจะ restart
2.ใส่ แผ่น windows XP เข้าไปใน CD-ROM Drive
3.จะพบข้อความ press any key to boot from CDให้กดปุ่ม enter เพื่อ boot เครื่องจาก CD-ROM Widows XP
4.จะมีการ copy ไฟล์หรือข้อมูลบางส่วน ให้น้องรอไปก่อน
5.เมื่อพบหน้าต่าง welcome to setup ให้เริ่มติดตั้งได้ทันทีโดยกดปุ่ม enter เพื่อทำข้นตอนต่อไป
6.จะปรากฏข้อความเกี่ยวกับการใช้งาน windows XP (หน้าจอเขียนว่า Windows XP Licensing) ให้กดปุ่ม F8 เพื่อยอมรับรายละเอียดดังกล่าว
7.พอมาถึงขั้นตอนนี้ จะเป็นการเลือกติดตั้ง Windows XP ลงใน partition ใด น้องจะพบคำสั่งให้เลือก 3 แบบคือ
-ติดตั้งใน partition ที่เลือกไว้ ให้ กด enter
-สร้าง partition ใหม่กด C
-ลบ partition นั้นกด D
พี่สมมติว่าน้องจะเลือกลงใน partition ที่เลือกไว้คือ Drive C นะ ให้น้องกด Enter เพื่อติดตั้งที่ Drive C
8.เลือกระบบไฟล์ที่ต้องการ (ความเห็นส่วนตัวของผม ผมลงเป็น NTFS แล้วเครื่องเร็วกว่า FAT ) โดยกดปุ่มลูกศรขึ้นลง แนะนำว่าเลือกตัวเลือกที่ 3 หรือ 4 ครับ หลังจากนั้นกด enter
9.ปรากฏหน้าจอให้ format (to continue and format the partition ,press enter) ให้กด enter
10.Windows จะเริ่ม format
11.หลังจาก format แล้วมันก็จะ copy ข้อมูลลงใน HD
12.หลังจากนั้นปรากฏหน้าจอ This partition of setup has completed……ให้กดปุ่ม enter เพื่อ restart เครื่อง
13.หลังจากเครื่องเริ่ม restart อย่ากดปุ่มใดๆ ให้รอจนกว่าจะขึ้นหน้าจอ Windows CP Professional
14.จะเห็นวินโดว์ตรวจสอบค่าต่างๆ พร้อมทั้งบอกข้อดีอะไรของมันไปตามเรื่อง คุณก็อ่านเล่นๆ ไปพลางๆ ก่อนได้
15.รอสักหน่อยก้จะปรากฏหน้าต่าง Regional and language Option ออกมา
16.คลิ๊กที่แท็บ languages
17.คลิ๊กถูกที่ข้อความ install files for complex scipt…แล้วตอบ OK และคลิ๊กถูกที่ install files for East Asian language แล้วตอบ OK
18.จากนั้น คลิ๊กที่แท็บ advanced
19.เลือกภาษาไทย แล้วกด Apply เครื่องจะ copy ไฟล์ font ภาษาไทย (ขั้นตอนนี้ใจเยนรอสักครู่)
20.หลังจากนั้นคลิ๊กที่แท็บ regional option แล้วเลือกไทย location ก็เลือกเป็น Thailand
21.คลิ๊ก next
22.จะปรากฏหน้าต่าง personalize Your software ให้คุณตั้งชื่อตามใจที่คุณต้องการ ส่วนช่อง Organization เลือกพิมพ์เป็นอะไรก็ได้
23.คลิ๊ก next
24.กรอกหมายเลขแผ่น windows XP ซึ่งมี 25 ตัว
25.คลิ๊ก next
26.กรอกชื่อ computer ของคุณ ที่ช่อง computer name
27.ตั้ง password หรือไม่ตั้งก็ได้ตามใจ
28.คลิ๊ก next
29.ตั้งวันที่ให้ตรง ที่ time zone เลือก GMT +7 Bangkok
30.คลิ๊ก next
31.เลือการติดตั้งแบบ Typical
32.คลิ๊ก next
33.กรอกข้อมูลเครือข่ายกรณีที่คุณเชื่อมต่อกับเครือข่ายโดยใส่ชื่อเครือข่ายของคุณ ถ้าคุณมี modem มันก็ให้คุณ set ค่าต่างๆ ขณะนั้นเลย คุณก็กรอกไป
34.คลิ๊ก next และรอต่อไปจนกระทั่งมัน restart ใหม่
35.อย่ากดปุ่มใดๆ ให้รอจนกระทั่งมันขึ้น logo Windows Xp professional
36.ถ้าเครื่องคุณเป็น VGA on Board มันก็จะปรับขนาดจอภาพให้คุณจนขึ้นมองได้ชัดเจนแล้วให้กด OK แต่ถ้าเป็น VGA ต่างหากมันจะข้ามขั้นตอนนี้ไป
37.จะปรากฏหน้าจอ Welcome to………ให้คุณคลิ๊ก next ด้านล่างขวา
38.หากคุณต่อ internet มันจะเชื่อมต่อ internet เพื่อ update แนะนำว่าข้ามขั้นตอนนี้ไปเลยโดยคลิ๊กที่ skip ซึ่งอยู่ด้านล่างขวา
39.จะปรากฏหน้าจอ ready to register with … ให้คุณเลือก No, not this time
40.คลิ๊ก next ด้านล่างขวา
41.จะปรากฏหน้าจอ who will use this computer? ให้คุณกรอกชื่อผู้ใช้ซึ่งมีให้กรอก 5 users แต่คุณกรอกชื่อเดียวได้โดยชื่อนั้นห้ามซ้ำกับชื่อเครื่องที่คุณตั้งไว้ในข้อ 26
42.คลิ๊ก next ด้านล่างขวา
43.คลิ๊ก finish ด้านล่างขวา เป็นอันเสร็จ
44.หลังจากนั้นจะปรากฏหน้าจอใช้งานเป็นรูปทุ่งหญ้าวิวมี เมฆ ถ้าจำไม่ผิดจะมี icon ตัวเดียวคือ recycle bin อยู่ที่มุมล่างขวา คุณสามารถเพิ่ม icon ใช้งานอื่นๆได้โดย คลิ๊กขวาบริเวณพื้นที่ว่างเลือก properties แล้วคลิ๊กที่แท็บ Desktop แล้วคลิ๊ก Customize Desktop (อยู่ใกล้ๆ ปุ่ม OK) จะปรากฏหน้าต่างDesktop Item ที่แท็บ general ให้คุณคลิ๊กถูกที่ Desktop icon ที่คุณต้องการโชว์บนหน้า Desktop หลังจากนั้นคลิ๊ก OK เป็นอันเรียบร้อย

วันอังคารที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2553

การสร้างฟอร์มจาก Dreamweaver CS5
การใส่รหัสผ่าน
1.ไปที่ Insert >Formเลือก Spry Validation Password
2.แล้วมันจะขึ้นหน้าจอ Input Tag Accessibility Attributes กด OK แล้วเลือก Yes
3.คลิ๊กตรงข้อความสีฟ้าแล้วเลือก span sprypassword1 (ขอบด้านล่าง)
4.ถ้าเราต้องการมากหรือน้อยให้ใส่ตัวเลขตรงช่อง Min chars ด้านล่าง
5.ถ้าเราต้องการห้ามให้มันเกินเท่าไหร่ก็เลือก Max chars ด้านล่าง
6.ถ้าเราไม่ต้องการให้แสดงให้เลือก Blur
7.เลือก Exceeded Max รหัสยาวเกินไป
8.เลือก Min กรุณาใส่มากกว่าค่าที่เรากำหนดไว้
9.เลือก Required กรุณาใส่รหัสผ่าน
10.เลือก Max special chars จะใส่ได้เฉพาะตัวเลข
11.แล้งติ๊กตรง Preview states แล้วมันจะขึ้น Invalid Strength
12.แล้งติ๊กตรง Preview states แล้วมันจะขึ้น Invalid Strength แล้วเลือก Valid

การแทรกรูปภาพ
1.ไปที่ Insert >Form เลือกFile Field
2.แล้วมันจะขึ้นหน้าจอ Input Tag Accessibility Attributes กด OK แล้วเลือก Yes

วันจันทร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ธรรมโนโลยี VS เทคโนโลยี

ธรรมะดับร้อน

สมัยพุทธกาลไปร้อนลุกไหม้ "ชีวิตที่ไม่มีมารยาทที่จะเป็นตำนานอันยิ่งใหญ่"ในพุทธประวัติมีพิ้นที่ให้พยามารได้แสดงบทบาทแทรกอยู่เป็นระยะๆ ทั้งตอนก่อนจรัสรู้และหลังตรัสรู้ พยามารมีบทสำหรับคำว่ามากหากไม่พิจารณาให้ดีอาจชวนให้หลงดีความพระพุอธประวัติตอนนี้เป็นเรื่องเหลวไหลสำหรับคำว่าพยามาร แปลกตามตัวอีกษรมีความหมายว่า "สิ่งที่มาบุคคลให้ตายจากความดีงานหรือเป็นสิ่งที่คอยขัดขวงมีให้บุคคลประสบความสำเร็จก้าวหน้า" แต่มารตามคำนิยามนี้มี 5 ประเภทคือมารคือกิเลส มารคือ ร่างกาย มารคือเจตนา มารคือเทพบุตร และมารคือความหาย เราต้องเอาชนะมารให้ได้พระดุทธเจ้าเสด็จประดับ ณ อัคคาบัวเจดีย์ การที่เราจะเอาชนะผู้ที่เหนือกว่านั้นในทางพละกำลังในทางอำนาจราชศักดิ์ในทางสินทรัพย์ และในทางสติปัญญนั้น วิธีที่ดีที่สุดคิอเราต้องใช้ความอ่อนโยนและความอ่อนน้อมถ่อมตนเข้าช่วยถ้าเราปราศจากความอ่อนน้อมถ่อมตนแล้วก็ยากที่ผู้น้อยจะเอาชนะผู้ใหญ่ปราศจากความอ่อนน้อมถ่อมตนแล้วก็ยากที่ผู้ต่ำต้อยจะกาลยเป็นผู้สูงส่งทิฐิคือความคิดเห็นความรอบรู้อันดับแคบเฉพาะทางเฉพาะศาสนา ดังนั้นจึงเป็นหลุมพรางทางปัญญาที่ผู้รักปัญญาทั้งหลายพีงระมัดระวังอย่างยิ่งอย่าปล่อยให้ตัวเองตกลงไปในกลุมพรางแห่งทิฐิเป็นอันขาด เพราะจะกลายเป็นคนน่าสงสารทางวิชการ และเมื่อที่เราไปพบพานกับผู้ทรงม่ีปัญญาที่แท้เข้าจะได้เอาตัวรอดกลับมาได้อย่างมีสวัสดิภาพโดยไม่ต้องกลายไปเป็นตัวตลกทรงปัญญาให้คนเขาประมาสเอาซึ่งๆ หน้าจน หาทางกลับบ้านไม่ถูกอย่างสัจจกนิควนด์ การที่เราได้อ่านหนังสือธรรมมะดับร้อนจบแล้วก็สามารถและเข้าใจถึงความโลภโกรธหลงและได้รู้แนวทางในการระงับความร้อนจากใจได้เป็นอย่างมากซึ่งในหนังสือเล่มนี้ทำให้ได้รู้ถึงความรู้การเข้าใจแห่งความทุกข์ทั้งปวง การอ่านหนังสือ ธรรมะดับร้อน ของท่าน ว.ว ชัวเมธี จึงเป็นหนทางอีกทางหนึ่งซึ่งจะทำใหโลกนี้เย็นลงได้และบรรเทาความตึงเคลียดในเหตุบ้านการณ์เมืองสงบลงได้ใครก็ตามที่ได้อ่านหนังสือเลืมนี้แล้วคงจะช่วยให้โลกนี้สงบลงได้โดยอ่านหนังสือธรรมะดับร้อน การอ่านครั้งนี้จึงให้เราได้รู้ถึงการที่เราจะทำอย่างไรเราถึงจะดับความร้อนที่อยู่ในตัวเราได้
คิดถูก โปร่งใส ใจสูง

จากการที่ได้อ่านหนังสือ คิดถูก โปร่งใส ใจสูง จบแล้ว ว.วชิรเมธี ได้สอนไว้ว่าโลกและชีวิตของคนเรานั้นจะเป้นไปอย่างไรขึ้นอยู่กับความคิดเพราะความคิดของเราก็เปรียบเสมือนกับแสงดาวที่จะส่องนำทางของชีวิตเราว่าจะไปมาอย่างไรถ้าเราคิดถูกชีวิตของเราก็ไปในทางที่ถูกทิศถูกทางแต่ถ้าเราคิดไปในทางที่ผิดชีวิตของเราก็ผิดทิศผิดทางความคิดคือการปรุงแต่งทางจิตใจใจในทางที่นี้คือความคิดสำคัญที่สุดหากเราคิดดีหรือมีใจผ่องแผ้วการพูดการกระทำก็จะดีตามเสมือนเงาตามตัวคนเราถ้าคิดชั่วการพูดการกระทำของเราก็ชั่วตามหากเราคิดดีมีจิตใจผ่องใสการพูดการกระทำของเราก็ดีตามผลจากการคิดดีพูดดีทำดีนั้นความสุขก็ติดตามตัวเราเป็นเงาติดตามตนไปทุกหนทุกแห่งแต่ในทางกลับด้านหากเราคิดชั่วก็จะพูดชั่วและทำชั่วเพราะผลแห่งการคิดชั่วพูดชั่วและทำชั่วนั้นทุกข์ก็จะติดตามตัวเราไปทุกหนทุกแห่งจิตหรือความคิดเป็นนายของทุกสิ่งทุกอย่างเพราะความคิดหรือจิตนี้เป็นผู้กำหนดของสรรพสิ่งของเราวิธีคิดของคนทั่วไปก้มีหลายวิธีดังตัวอย่างเช่นการคิดตามการบงการของกิเลสคือคิดตามฦโทสะหรือความโกรธเมื่อความโกรธครอบงำแล้วต่อให้สติปัญญาเฉียบแหลมอย่างไรก็ควบคุมไม่อยู่สุดท้ายก็ตกเป็นทาสของความโกรธการคิดตามสิ่งเร้าเป็นวิธีคิดจามสิ่งที่มายั่วยวนเช่นในขณะที่เรานั่งดูทีวีแล้วมีโทรศัพท์รุ่นใหม่โฆษณาขึ้นมาเป็นรุ่นที่ทัสสกิ่นมากแล้วเราก็หยิบโทรศัพท์ของเราที่เรากำลังใช้ขึ้นมาเปรียบเทียบกับรุ่นที่อยู่ในโทรทัศน์เราก็คิดว่ามันไม่เข้าท่าแล้วรุ่นนี้เราต้องซื้อใหม่นี้คือโลกของวัยรุ่นไทยส่วนใหญ่ถ้าเกิดปัญหาขึ้นในชีวิตให้กำหนดรู้ว่าความทุกข์ที่เราเจออยู่ทนี้คืออะไรแน่ ทุกข์เราต้องกำหนดรู้ต้องศึกษาแต่คนส่วนใหญ่เมื่อเกิดปัญหาเกิดความทุกข์ขึ้นมากลับหลอมรวมตัวเองเข้าเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาแทนที่ทุกข์จะมีไว้สำหรับแก้และเห็นก็กลับกลายเป็นทุกข์มีไว้สำหรับเป็นคนที่ไม่รักชึวิตทั้งหลายใช้ชีวิตเหมือนกอสวะสะเปะสะปะไหลเคร้งไปตามสายน้ำคนส่วนใหญ่เวลามีปัญหาแทนที่จะคิดตามเหตุปัจจัยโยนให้กรรมเก่าโยนให้พระเจ้าโยนให้โชคชะตาพาเป็นไปปัญหาง่ายๆ แก้ไม่ได้ แท้จริงแล้วทุกปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิตมนุษย์เราสามารถแก้ปัญหาเหล่านั้นได้ทั้งหมดถ้าเราเข้าใจวิธีคิดแบบสืบสาวเหตุปัจจัยคนทุกคนเกิดมาอย่างก็คิดได้คิดเป็นแต่มีบางคนเท่านั้นที่คิดเป็นคิดได้คือคิดอะไรก็ได้ แต่คิดเป็นมันต้องมีหลักวิชาหรือวัํีการที่จะคิดถ้าเราคิดเชิงวิเคราะห์เป็นทุกเรื่องทุกราวที่ประเดประดังผ่านเข้ามาในชีวิตเราเป็นครูใหญ่ทั้งหมดเลย ความทุกข์กำลังสอนเราความสำเร็จกำลังสอนเรา แสงแดดกำลังสอนเรา ความร้อนกำลังสอนเรา ความหิวกำลังสแนเราคิำด่ากำลังสอนเราในชีวิตไม่มีอะไรที่เราจะต้องประหวั่นพรั่นพรึงอีกต่อไปถ้าเราคิดเชิงวิเคราะห์เป็นทุกอย่างก็จะเป็นครูเรา เพราะนะนั้นศักยภาพของความคิดนั้นมีพลังมหาศาลถ้าเราคิดเป็นคิดถูกคิดดี คิดมีประโยชน์ เราก็สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราได้

วิเคราะห์
สำหรับเรื่องธรรมะดับร้อนได้สอนให้เราได้เข้าใจถึงความโลภ ความโกรธ ความหลง และได้รู้แนวทางในการระงับความร้อนจากใจได้เป็นอย่างมาก ส่วนเรื่องคิดถูก โปร่งใส ใจสูง ทำให้เราได้รู้ถึงความสำคัญของความคิดเพราะความคิดของเรานั้นจะเป็นตัวบ่งบอกถึงเข็มทิศในการชี้เส้นทางของชีวิตเราเองว่าจะไปในทางที่ถูกหรือไปในทางที่ผิด

วันจันทร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2553

สรุปการคิดเชิงสร้างสรรค์

ในความหมายทางภาษาไทยได้ให้ความหมายของคำว่า “สร้างสรรค์” แตกต่างออกไป 3 ความหมาย คือ คิดในแง่บวก การกระทำที่ไม่ทำร้ายใครและการคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ โดยทั่วไปจะใช้ความหมายนี้ในการที่เราจะกำหนดว่าสิ่งใดเกิดจากความคิดสร้างสรรค์นั้นสามารถพิจารณาได้จากองค์ประกอบสำคัญ อันได้แก่ ความคิดนั้นต้องเป็นสิ่งใหม่ สามารถใช้งานได้และเหมาะสมลงตัวพอดีกับปัญหาที่ต้องการแก้ไข การแก้ไข จินตนาการก็เป็นส่วนประกอบที่สำคัญอย่างยิ่งในการคิดสร้างสรรค์ เพราะจะช่วยให้เราสร้างสรรค์ความคิดใหม่ๆได้อย่างไม่จำกัด โดยความคิดสร้างสรรค์เกิดจากการทำงานของสมองซีกขวา มีนักวิศวะชาวอเมริกันที่คิดสร้างจรวดขึ้นมา ชื่อ โรเบิร์ต เอช กอกดาร์ด (ค.ศ. 1899) จากการอ่านนวนิยายจิตนาการของเขาในสมัยเด็ก และก็ประสบความสำเร็จ แม้ว่าจรวดของเขาจะขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างไม่น่าตื่นเต้นนักก็ตาม แต่ก็นับว่าเป็นก้าวแรก น่าเสียดายที่เขาสิ้นชีวิตไปก่อน จึงไม่มีโอกาสได้เห็นจรวดที่ได้รับการพัฒนาต่อยอดจากแนวคิดของเขานั้น ทะยานขึ้นไปเยือนดวงจันทร์ตามความฝันของเขา ความคิดสร้างสรรค์จะเข้าไปต่อยอดความคิดเดิม กลายเป็นความคิดใหม่นั้นจะถูกท้าทายจากอีกความคิดหนึ่งเสมอ ส่งผลใหม่ให้เกิดการงอกงามทางความคิดและสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ โดยพัฒนาต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง
ความหมายของการคิดเชิงสร้างสรรค์ เป็นการขยายขอบเขตความคิดออกไปจากกรอบความคิดเดิมที่มีอยู่สู่ความคิดใหม่ๆที่ไม่เคยมีมาก่อน เพื่อค้นหาคำตอบที่ดีที่สุดให้กับปัญหาที่เกิดขึ้น การคิดแบบเชิงสร้างสรรค์มีลักษณะเป็นกระบวนการ มี 3 ขั้นตอน คืด การกำหนดเป็ราหมายการคิดให้ชัดเจน เช่น ทำอย่างไรเพื่อให้สอบวิชานี้ให้ได้เกรด A เมื่อเป้าหมายชัด จะนำไปสู่การหาวิธีสร้างสรรค์ ซึ่งจะช่วยให้ทำคะแนนสอบได้เกรด A เป็นต้น การแสวงหาแนวคิดใหม่ เราคิดออกมาให้หมด อย่าเพิ่งประเมินว่าดีหรือไม่ดี เราจะพบว่าศักยภาพการสร้างารรค์ของเรามีอยู่อย่างกมากทีเดียว เพียงแต่ไม่ถูกบังคับให้นำออมาใช้เท่านั้น ขั้นต่อไปเป็นการประเมินและคัดเลือก นำความคิดเหล่านี้มากลั่นกรอง วิเคราะห์ หาเหตุผลความเป็นไปได้ ว่ามีความคิดใดบ้างที่สามารภถนำมาใช้ได้อย่างเหมาะสม องค์ประกอบที่ช่วยเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์
ด้านทัศนคติและบุคลิกลักษณะ คือ เป็นคนเปิดกว้างรับประสบการณ์ใหม่ๆ
ด้านความสามารถทางสติปัญญา คือ จะไม่มองปัญหาเดิมๆด้วยสายตาธรรมดาจะมองแบบใหม่เพื่อทำให้เห็นทางแก้ปัญหาด้วยตนเอง การประเมินอย่างมีประสิทธิภาพ คือ นำเอาความคิดนั้นมาพิจารณาประเมินคุณค่าในลำดับต่อไป
ด้านความรู้ คนที่มีความรู้มักจะคิดได้สร้างสรรค์ได้ดีกว่าคนที่ไม่มีความรู้
ด้านรูปแบบการคิด มีผลต่อการรับรู้และบุคลิกลักษณะของคนๆนั้น รูปแบบการคิดจะช่วยให้เกิดการประยุกต์ความสามาถทางสติปัญญา
ด้านแรงจูงใจ เป็นแรงกระตุ้นจากภายในมีประโยชน์ต่อความคิดสร้างสรรค์
ด้านสภาพแวดล้อม ไม่มีกรอบมาตรฐานเพื่อบีบรัด ได้แก่ สังคมที่ส่งเสริมเสรีภาพในกรแสดงออกของประชาชน มีการสนับสนุนคนที่คิดสร้างสรรค์
โลกของการแข่งขันทำให้ต้องมีการพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่ง หากหยุดนิ่งเมื่อใดเท่ากับเดินถอยหลังทันที ความคิดสร้างสรรค์ยังข่วยให้ราได้สิ่งที่ดีกว่าแทนการจะอยู่กับสิ่งเดิมๆ และยังเป็นองค์ประกอบสำคัญของความฉลาด คือ มีความฉลาดในการสร้างสรรค์ ความฉลาดในการวิเคราะห์ และความฉลาดในการปฏับัติจริง ดังนั้น ถ้าสังคมเราฝึกให้คนแก้ปัญหาด้วยตนเองมากขึ้น พ่อแม่ปล่อยให้ลูกรับผิดชอบตนเอง ปล่อยให้ลูกคิดแก้ปัญหาด้วยตนเองบ้าง ให้ช่วยเหลือตนเอง ลองถูก-ลองผิดบ้างย่อมเป็นวิธีหนึ่งที่เขาจะได้มีโอกาสคิดสร้างสรรค์ น่าดีใจที่ศักยภาพด้านการคิดสร้างสรรค์ของคนไทยในระดับท้องถิ่น เริ่มปรากฏขึ้น และสะท้อนออกมาในรูปของสินค้าภายในชุมชนตามโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ เป็นโอกาสที่ดีของแต่ละตำลลที่จะคิดสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆประจำตำบล ลดการลอกเลียนแบบ ปัจจุบันการเรียนจะเน้นให้นักเรียนที่เรียนนั้นท่องจำมากกว่าจะให้ใช้ความคิด ซึ่งส่งผลให้เป็นการปิดกั้นความคิดสร้างสรรค์ คือ ไม่ได้สอนวิธีคิดส่งผลให้เด็กไม่มีนิสัยช่างคิด คิดไม่เป็น ไม่รู้จักเรียนรู้ โดยสมองซีกความคิดสร้างสรรค์จะไม่ได้รับการพัฒนา และจะนำไปสู่การลอกเลียนแบบ เกิดความพึงพอใจในการทำตามและเลียนแบบมากกว่าคิดเอง เช่น คนมีตำแหน่ง มีอำนาจ ชื่นชอบสินค้ายี่ห้อดังๆเชื่อมั่นและเดินตามประเทศที่พัฒนาแล้วเพราะคิดว่าเค้าเก่งกว่า เป็นต้น สังคมไทยเราชอบความเหมือนมากกว่าความแตกต่างจะเห็นได้ว่าคนไทยในสมัยอดีต คนที่ได้รับการยกย่อง คือ คนที่ไม่ทำอะไรแตกต่างจากคนอื่นยิ่งทำเหมือนต้นแบบมากเท่าไหร่ ยิ่งได้รับการยกย่อง เป็นต้น สังคมไทยเรามักจะดำเนินตามสถานการณ์ ไม่ช่างคิด และลักษณะนิสัยไม่ช่างคิด ดำเนินชีวิตไปตามสถานการณ์ของเรานี้นับเป็นอุปสรรค์ที่สำคัญอีกประการหนึ่งที่เราจำเป็นต้องเอาชนะให้ได้ หากเราต้องการเป็นคนที่สร้างสรรค์ หากเรายังมีค่านิยมที่ว่า การลอกเลียนความคิดของผู้อื่นเป็นความผิด เป็นการทำที่น่าละอายจนส่งผลเป็นแรงกระตุ้นให้เราต้องคิดสร้างสรรค์ขึ้นเอง เอาวิธีการสำเร็จรูปที่ผู้อื่นคิดไว้มาใช้มากกว่าเสียเวลาออกแรงคิดเอง สังคมของเราจึงกลายเป็นสังคมที่ชอบลอกเลียนมากกว่าสร้างสรรค์ และเมื่อเราเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่คุ้นเคย ปัญหาที่ดูเหมือนไม่มีทางออกมาก่อน ทำให้คนเกิดความวิตกกังวลมากกว่าจะพยายามหาทางออกให้กับปัญหาที่เกิดขึ้น โดยคิดว่าตนเองจะเป็นแกะดำถูกมองว่าเป็นตัวประหลาด ไม่กล้าเสนอความคิดเห็นใหม่ๆทำให้ความคิดสร้างสรรค์ดีๆไม่มีโอกาสงอกงามออกมา แต่ความกลัวผิดพลาดนั้นมันจะเป็นตัวสกัดกั้นความคิดสร้างสรรค์ที่ดีเยี่ยมอีกตัวหนึ่งและอิทธิพลของมันจะแทรกซึมอยู้ในเรามากบ้างน้อยบ้าง ถ้าเรายึดติดกับความรู้ความชำนาญเฉพาะด้าน เราย่อมจะ “ติดกับ” ความรู้ของเราให้ไม่สามารถคิดแหวกวงเพื่อค้นพบสิ่งสร้างสรรค์ใหม่ๆ นอกเหนือจากที่เคยเรียนรู้มาแล้วได้ เราอาจจะเป็นคนเก่งในสิ่งที่ทำได้ดีอยู่แล้ว แต่จะเป็นคนที่ทำอะไรไม่ได้เลย หากขว้างออกนอกกรอบความรู้ที่ตนมีเพื่อประยุกต์สิ่งดีๆมาใช้พัฒนาความเชี่ยวชาญในงานของตน ในการคิดแปลกใหม่ให้หลากหลายด้วยการระดมสมอง เราจะได้ความคิดใหม่ที่สร้างสรรค์จากกลุ่มที่เรากำหนดขึ้นเอง การเปลี่ยนแปลงจากรูปเดิมๆให้เป็นสิ่งใหม่ การแตกแขนงรูปแบบสินค้า ในการอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบเดิมมานาน อาจกำจัดความคิดสร้างสรรค์ เพราะในสภาพแวดล้อมแบบหนึ่งจะทำให้เราคิดคล้ายๆกัน การนั่งจดจ่ออยู่กับที่อาจจะดีสำหรับการคิดเพื่อทำความเข้าลึกซึ้ง แต่อาจจะไม่เหมาะสำหรับการคิดสร้างสรรค์ซึ่งต้องการข้อมูลที่ค่อนข้างแตกกระจายออกไปในแนวกว้าง ดังนั้น เมื่อเราคิดไปได้สักพักแล้วรู้สึกว่าความคิดเริ่มวนเวียน เริ่มคิดสิ่งใหม่ๆไม่ได้ ให้ลชองจัดสภาพแวดล้อมใหม่ เปลี่ยนสภาพที่ความคิดใหม่ๆอาจเกิดขึ้นมาได้ การกำจัดเวลาจะช่วยให้กระตุ้นความคิดได้ดีกว่า และในแนวทางกลับสิ่งที่จะคิด แล้วลองคิดใช้มุมกลับ ช่วยให้เรามองอีกมุมหนึ่งที่เราไม่เคยคิดมาก่อน การหักมุมความคาดหวังที่คนทั่วๆไปคิดว่าน่าจะเป็น กลายเป็นสิ่งสร้างสรรค์ใหม่ ส่วนใหญ่การคิดเช่นนี้มักจะนิยมใช้กันทั่วไปในการเขียนทั้งเรื่องสั้น ภาพยนตร์โฆษณา เรื่องขำขัน ภาพยนต์ประเภทสืบสวนสอบสวน ภาพยนตร์ตลก การ์ตูนล้อการเมือง เป็นต้น ในการคิดเรามักจะหาสิ่งเชื่อมโยงเป็น “ตัวเขี่ยความคิด” เช่น การเปิดหนังสือ ถ้ายังคิดไม่ออก็ลองเปิดหนังสือพิมพ์ หรือนิตยสาร การเปิดพจนานุกรม ดึงคำพูดจากหนังสือ เก็บคำพูดจากภาพยนตร์โทรทัศน์ข้อความโฆษณาจากแผ่นป้ายข้างรถประจำทาง หรืออื่นๆไม่จำกัด อันจะช่วยขยายความคิดของเราให้เกิดความคิดดีๆในการแก้ปัญหาได้ การอุปมาหรือเทียบเคียงในลักษณะที่เราไม่คุ้นเคย จะช่วยกระตุ้นให้เราคิดในมุมที่แตกต่างได้ ช่วยให้เรามีความคิดใหม่ๆนอกกรอบความเคยชิน หากการคิดเชิงสร้างสรรค์จะกลายเป็นลักษณะนิสัยการคิดของเรา และเราจะกลายเป็นผู้ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น “นักคิสร้างสรรค์” ได้ในที่สุด
การสร้างทัศนคติที่เอื้อต่อการสร้างความคิดสร้างสรรค์ คือ
1.อย่าคิดในแง่ลบต้องคิดในแง่บวก
2.อย่าชอบพวกมาลากไปต้องลองหัวเดียวกระเทียมลีบดูบ้าง
3.อย่าปิดตนเองในวงแคบต้องเปิดรับประสบการณ์ใหม่
4.อย่ารักสบายทำไปเรื่อยๆต้องลงแรง บากบั่น มุ่งความสำเร็จ
5.อย่ากลัว ต้องกล้าเสี่ยง
6.อย่าหมดกำลังใจเมื่อไม่พบคำตอบ ต้องอดทนต่อความคลุมเครือ
7.อย่าท้อใจกับความผิดหวัง ต้องเรียนรู้จากความล้มเหลว
8.อย่าละทิ้งความคิดใดจนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่าไร้ประโยชน์ ต้องชะลอการตัดสินใจ
9.อย่ากลัวการเผยแพร่ผลงาน ต้องกล้าเผยแพร่ผลงานแหวกวง

วันอาทิตย์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2553



การทำภาพฟองน้ำ



1.ตั้งค่าหน้ากระดาษตามภาพจากนั้นก็เทสีเทา ลงพื้นหลัง



2.ต่อไปก็คลิ๊กที่แถบเมนูด้านบน เลือก Filter > Distort > Polar Coordinates และเลือก Polar to Rectangular จะได้รูปนี้




3.จากนั้นก็ปลดล็อค Background โดยการดับเบิ้ลคลิ๊กที่ Layer Background





4.ต่อไปก็คลิ๊กที่แถบเมนูด้านบน เลือก Filter > Distort > Polar Coordinates และเลือก Rectangular to Polar จะได้รูปนี้





5.ต่อไปก็กดเลือก Elliptical Marquee Toolจากนั้นกด Shift ค้าง แล้วลากเม้าส์เพื่อสร้าง Selection วงกลม (ถ้าไม่พอใจก็เลือก Select > Transform Selection เพื่อปรับขนาด Selection วงกลมอีกครั้ง)
จะได้ดังรูป






6.กด Ctrl + Shift + i เพื่อกลับด้าน Selection แล้วกด Delete เพื่อลบพื้นที่ที่เราไม่ต้องการ
แล้วคุณก็จะได้ภาพอย่างที่เห็นเลยครับ









วันพฤหัสบดีที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ทำรูปเราให้เป็นสีน้ำ (อามมี่)
1.เข้า File/Open เลือกรูปที่เราต้องการทำ
2.เข้า Filter/Artistic/Watercolor
3.เลือกลายตามใจชอบเราแล้วกด OK
4.เข้า Filter/Texture/Texturizer
5.เลือกลายตามใจชอบเราแล้วกด OK

ทำรูปเราให้เป็นรูปวาด (กิ๊ก)
1.เข้า File/Open เลือกรูปที่เราต้องการทำ
2.กด Ctrl+J
3.กดเปลี่ยน Layer โดยการเปลี่ยนชื่อเป็น Copy
4.เข้า File/Stylize/Find Edges
5.เข้า File/Blur/Gaussian Blur ปรับตามที่เราต้องการ

ทำสายฟ้าใส่รูปเรา (เอ็ม)
1.เข้า File/New ตั้งค่าหน้ากระดาษเป็น International Paper
2.ไปถังสี Gradient Tool
3.ลากจากซ้ายไปขวา
4.เข้า Filter/Render เลือก Difference Clouds
5.กด Ctrl+i ตั้งเป็นช่องแรก 208 กลาง 0.40 กด OK
6.ลากภาพที่เราต้องการโดยการลากรูปใส่แถบสีเทาด้านบนตรงกับ Layer
7.เปลี่ยน Background ให้เป็น Layer 0
8.เปลี่ยน Normal เป็น Screen แล้ว เราก็ลากรูปเรามาใส่ไว้ในแถบสีเทาด้านบน
9.กด Ctrl+L เพื่อปรับสายฟ้าให้เข้ากับภาพ ช่องแรก 208 กลาง 0.40 กดตกลง
10.แล้วเราก็ลากสายฟ้าไปที่อีก Layer รูปเรา ถ้าเราจะเปลี่ยนสีสายฟ้าเราก็กด Ctrl+U
ทำภาพจิ๊กซอ (ฝน)
1.เข้า File/Open เลือกรูปที่เราต้องการทำ
2.ทำการคัดลอก Layer ขึ้นมาใหม่
3.คลิก Layer ที่สร้างขึ้นใหม่ไปที่ Window/Style
4.ปรับค่า Capacity ปรับให้เหลือ 50%
5.ดับเบิ้ลคลิกที่เลเยอร์ 2 ไดอะล็อกบ็อซของ Layer Style ให้กำหนดค่าต่างๆ
6.เมื่อคลิกที่ OK จะได้ภาพที่สวยงาม

ทำภาพ Lomo (โลโม่)
1.เข้า File/Open เลือกรูปที่เราต้องการทำ
2.คลิกขวาที่ Background เลือก Duplicate Layer กด OK
3.เปลี่ยน Normal ให้เป็น Soft Light
4.สร้าง Layer อีก 1 Layer
5.เปลี่ยน Normal ให้เป็น Soft Light
6.ไปคลิก เลือก Rectangular/Marquee Tool
7.ลากให้เป็นกรอบสี่เหลี่ยม
8.คลิกขวาที่รูปเลือก Select/Inverse
9.ไปเลือกที่ถังสีเลือกสีดำไปเทตรงขอบ
10.ไปคลิกขวาที่ เลือก แล้วคลิกขวาที่รูปเลือก Deselect
ทำหัวบล็อก (แจ็ก)
1.เข้า File/New เลือก Custom เปลี่ยนช่อง Height 250 Resolution 300
2.
3.คลิก เลือก Gradient Tool
4.ลากตรงกรอบสี่เหลี่ยมด้านไหนก็ได้
5.จากนั้นก็เลือกรูปแล้วลากมาใส่กรอบที่เราทำไว้
6.คลิกตรง ด้านล่าง
7.ไปเลือกที่ Gradient Tool เพื่อเลือกภาพสุดท้าย
8.ไปเลือกที่ Gradient Tool คลิกซ้าย 1 ครั้ง แล้วคลิกตรงที่ใหม่แช่ไว้แล้วลากให้เป็นเส้นโค้งแล้วปล่อย กด Alt ค้างไว้ คลิกที่จุดดำแล้วอีกหนึ่งเส้นมันจะหายไป แล้วกลับมาคลิกที่จุดเริ่มต้นมันจะมาประกบกัน แล้วกด Ctrl + Enter มันจะมีเส้นปะขึ้นมา
9.สร้าง Layer ใหม่แล้วเลือกลงสี Gradient Tool แล้วกด Ctrl + D เส้นปะก็จะหายไป ถ้าเราอยากจะได้หลายๆ เส้นเราก็ไปกด Alt ค้างไว้แล้วก็ลากไปที่ที่เราต้องการ

ทำภาพแบ็คกราว Background (ปูเป้)
1.เข้า File/Open เลือกรูปที่เราต้องการทำ
2.ไปแถบเครื่องมือด้านซ้าย คลิกขวาตัวที่สาม เลือก Magnetic Lasso Tool
3.แล้วตัดภาพที่เราต้องการตัด โดยการคลิกแช่แล้วลากตามรูปที่จะตัดแล้วมันจะขึ้นเป็นเส้นปะล้อมรูปเรา
4.เข้า Edit/Filter แล้วกด OK

ทำภาพซ้อน (แนน)
1.เข้า File/Open เลือกรูปที่เราต้องการมา 2 รูป
2.ลากภาพที่ 1 ไปยังภาพที่ 2
3.เข้า Layer/Layer Mask เลือก Reveal all
4.ไปแถบเครื่องมือด้านซ้ายคลิกขวาตัวที่อยู่บนหยดน้ำเลือก Gradient Tool
5.แล้วลากจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งที่เราต้องการทำภาพซ้อน

ทำภาพรุ้งกินน้ำ (อ้อม)
1.เข้า File/Open เลือกรูปที่เราต้องการ
2.ไปแถบเครื่องมือด้านซ้ายคลิกขวาตัวที่อยู่บนหยดน้ำเลือก Gradient Tool
3.แล้วไปแถบเครื่องมือด้านบนเลือกตัวที่ 2 เลือก Special Effect กด OK
4.เลือกตัวแถบที่เป็นสายรุ้ง
5.แล้วลากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งที่เราต้องการทำภาพสายรุ้ง
6.ปรับ Opacity ให้เป็นเปอร์เซ็นต์ก็ได้ตามที่เราต้องการ เพื่อให้เข้ากับภาพ

ทำภาพสามมิติ (เจียว)
1.เข้า File/Open เลือกรูป
2.เข้าแถบเครื่องมือด้านซ้ายหัวข้อที่ 3 เลือก Magnetic Lasso Tool L
3.แล้วตัดภาพให้เป็นเส้นปะ
4.เข้า File/New ตั้งเป็น 400,300,300 กด OK
5.เลือกสีตรงแถบเครื่องมือด้านซ้ายตัวรองสุดท้าย
6.เข้า Filter/Render เลือก Clouds
7.เข้า Filter/Stylize เลือก Extrude ตั้งเป็น 0,100 คลิก Solid Front Faces
8.แล้วลากภาพเรามาใส่ในแถบสีเทาด้านบน
9.แล้วเราไปเลือกตรงแถบเครื่องมือด้านซ้ายตัวที่ n คลิกขวาเลือก Eraser Tool E เพื่อที่จะลบ
ทำก้อนเมฆ (แหม่ม)
1.เข้า File/New ตั้งค่าเท่าไหร่ก็ได้
2.เปลี่ยนสีตรงแถบเครื่องมือตัวรองสุดท้าย เลือกสีตามใจเรา
3.เข้าแถบเครื่องมือด้านซ้ายตัวที่ 12 บนตัวหยดน้ำ เลือก Gradient Tool G คลิกแถบเครื่องมือด้านบนตัวที่ 2 คลิก เลือก Reset Gradients เลือกตัวแรก
4.ลากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งตามที่เราต้องการ
5.เปลี่ยน Background ให้เป็น Layer 0
6.สร้าง Layer ขึ้นมาอีก 1 Layer
7.เปลี่ยนสีตรงแถบเครื่องมือตัวรองสุดท้าย เลือกสีตามใจเรา เปลี่ยนสีดำ,ขาว
8.เข้า Filter/Render เลือก Clouds
9.เข้า Filter/Render เลือก Difference Clouds
10.กด คอนโทรล F
11.กด คอนโทรล L เปลี่ยน ช่องแรก 30,1.00,100 กด OK
12.คลิกขวา Layer 1 เลือก Duplicate Layer กด OK
13.เข้า Filter/Stylize เลือก Extrude ตั้งค่าช่องแรก 2,30 คลิก Level-based กด OK
14.เปลี่ยน Normal เป็น Screen ทั้ง 2 Layer
15.เข้า Filter/Blur เลือก Gaussian Blur ตั้งเป็น 1.9 กด OK
16.เข้าแถบเครื่องมือด้านซ้ายตัวที่ 8 ภู่กัน คลิกขวาเลือก Eraser Tool E คลิกแถบเครื่องมือด้านบนช่อง 2 เปลี่ยนเป็น 9 pixel และเปลี่ยน Flow 10% แล้วคลิกตรงขอบก้อนเมฆ
17.เข้า Filter/Blur เลือก Gaussian Blur ตั้งเป็น 7 กด OK
18.แล้วเราก็ลากรูปมาใส่ เปลี่ยน Normal เป็น Screen

ทำภาพเบลอหลังภาพถ่าย (โอม)
1.เข้า File/Open เลือกรูปที่เราต้องการ
2.กด Ctrl + J เพื่อ Copy Layer
3.เข้า Filter/Blur/Gaussian Blur
4.ปรับระดับภาพเบลอตามที่ต้องการ
5.กดที่ Add Vector Mask จะเห็นได้ว่าจะมี Layer ซ้อนขึ้นมา
6.ทำการสลับสีโดยกด X ให้สีดำอยู่ด้านบน
7.ทำการ Brush ตรงที่เราไม่ต้องการเบลอ

ทำภาพสเก็ต (เอ๋)
1.เข้า File/Open เลือกรูปที่ต้องการ
2.คลิกขวาตรง Background เลือก Duplicate Layer แล้วกด OK
3.กด Shift + Ctrl
4.กด Ctrl + J กด Ctrl + i
5.ดับเบิ้ลคลิกที่ Background เปลี่ยน Normal เป็น Color Dodge แล้วกด OK
6.เข้า Filter/Blur เลือก Gaussian Blur
7.ปรับตามที่เราต้องการ

ทำภาพฉีก (เต้)
1.เข้า File/Open เลือกรูปที่ต้องการ
2.ใช้เครื่องมือ Lasso Tool แล้วเริ่มการตัด โดยเลือกส่วนที่เราต้องการให้ภาพนั้นมีรอยฉีก
3.สร้างหน้ากระดาษขึ้นมา โดยเลือกขนาดของ Layer ตามขนาดที่ตัวเองต้องการ
4.นำภาพที่ตัดแล้วมาใส่ใน Layer ใหม่ จากนั้นจัดขนาดของภาพ
5.ลงสี Background โดยนำเมาส์ไปคลิกที่ Background ที่อยู่ข้างล่างภาพ จากนั้นไปที่เครื่องมือ Gradient Tool แล้ว เลือกสีตามใจชอบ
การลง Windows
1.เอาแผ่นใส่แล้วกด Restart แล้วกด F10
2.เลื่อนลูกศรไปที่ Bootแล้วเลื่อนลูกศรลงขางล่างเลือก Boot Dcvice Priority แล้วกด Enter
3.กดปุ่มไหนก็ได้
4.กด Escเพื่อจะกลับไปไดล์ Cกด Dเพื่อจะ Deleteไดล์ C แล้วกด Enterแล้วกด L
5.กด C กด Enter เลื่อนลูกศรขึ้นข้างบนสุดตัวที่ 1 กดEnterกด Fแล้วก็รอ
6.แล้วมันจะขึ้นหน้าจอ Windows xp Professional Setup ให้เราตั้งชื่อเป็น IT15 โดยไม่ต้องตั้ง Password แล้วกด Enter
7.แล้วมันจะขึ้นหน้าจอ Display Settings แล้วกด OK
8.แล้วมันจะขึ้นหน้าจอ Monitor Settings แล้วกด OK
9.แล้วมันจะขึ้นหน้าจอ Welcome to Microsoft Windows แล้วกด Next
10.แล้วมันจะขึ้นหน้าจอ Help protect your Pc ให้คลิ๊กตัวที่ 2 คือ Not right now แล้วกด Next
11.แล้วมันจะขึ้นหน้าจอ Who will use this computcr? ใรตังชื่อตรง Your name แล้วกด Next
12.กด Finish
13.คลิ๊กขวาเลือก Properties
14.แล้วมันจะขึ้นหน้าจอ Display Properties เลือก Desktop
15.แล้วมันจะขึ้นหน้าจอ Display Properties เลือก Customize Desktop
16.แล้วมันจะขึ้นหน้าจอ Desktop ltems ให้เราคลิ๊กตรง My Documents My Network My Computer แล้วกด OK
17.แล้วมันจะขึ้นหน้าจอ Display Properties ให้กด OK
18.คลิ๊กขวาเลือก Properties
19.แล้วมันจะขึ้นหน้าจอ Display Properties เลือก Settings
20.คลิ๊กขวาเลือก Display Properties ปรับให้เป็น 1,024 แล้วกด OK และกด Yes

วันจันทร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2553


งานเทคโนโลยีใหม่ๆ ของครูอำนาจ
Virtual Laser Keyboard นวัตกรรมใหม่ ประหยัดพื้นที่

The Virtual Laser Keyboard (VKB) ใช้ เทคโนโลยี อิทฟราเรด และ เลเซอร์ ในการสร้างตาราง คีย์บอร์ด ที่ดูเหมือนๆกับ คีย์บอร์ด ที่เราใช้กันปกติทั่วไป คีย์บอร์ดอินฟราเรดนี้ สามารถใช้ ได้บนพื้นผิวที่ไหนก็ได้ ที่เป็นพื้นเรียบ

คุณสามารถใช้คีย์บอร์ดนี้กับ PC,Laptop,มือถือ และ PDA ได้ เมื่อคุณกดลงไปยังรูปคีย์บอร์ดมันก็จะแสดงผลเหมือนกับ คุณ กดคีย์บอร์ดธรรมดานะครับ

เทคโนโลยี optical recognition ทำให้ คุณสามารถกดนิ้วบนรูปภาพ และ ยังมีเสียง ประกอบเสมือนจริงอีกด้วย
ขนาดของ ตัวโปรเจคเตอร์ของคียบอร์ดนี้ ก็ ประมาน มือถือ ปกติ (90 x 34 x 24 mm) ซึ่งทำให้สามารถพกไปไหนก็ได้ตามสะดวก ซึ่งทำให้คุณสามารถ จะพิมพ์ งาน หรือ e-mail บนมือถือ ได้ อย่างรวดเร็ว

และสะดวกสบาย และเมื่อท่านไม่ได้ใช้คีย์บอร์ด นี้ มันก็จะ ปิด แสงโดยอัตโนมัต แต่เมื่อ ท่านเอามือผ่านไป มันก็จะ กลับมา ฉายแสง เหมือนเดิม
ข้อมูลเกี่ยวกับ VKB ระบบเสียง : ระบบเสียงเหมือนจริง สามารถควบคุมและปรับเปลี่ยนได้
การเชื่อมต่อ : ใช้ bluetooth เชื่อมต่อ [ มั้ง ]
ความเข้มข้น : ความเข้มข้นของแสงสามารถปรับได้
ระยะเวลาการใช้งาน : ขึ้นอยู่กับการ ถนอม แบตเตอร์รี่
การตอบโต้ : ความเร็วของการตอบโต้สามาระปรับได้
ความต่อเนื่อง : ระบบการพิมพ์ต่อเนื่อง จะจัดการเอง โดยอัตโนมัติ

Credit http://dekd.com/board/view.php?id=716951


Virtual Laser Keyboard คีย์บอร์ด Laser ไร้สาย
* สามารถใช้งานได้กับทั้งคอมพิวเตอร์แบบ Desktop และ Notebook
* สามารถใช้งานร้วมกับอุปกรณ์จำพวก computers, smart phones, desktop tablets/UMPC, และ PDAs/PMPs.
* ระบบการรับส่งข้อมูลมีความแม่นยำสูง
* สามารถปรับรูปแบบได้ถึง 3 ประเภทคีย์บอร์ด.
ข้อมูลทางเทคนิค
* Primary Function: Projection Keyboard and Mouse
* Light Source: Red laser diode
* Keyboard layout: 17mm sized QWERTY layout
* Keyboard size: Approx. 240mm*105mm
* Illumination: Visible in incandescent light of 1800 lux or more
* Power source: Internal lithium ion battery
* สามารถใช้งานได้กับระบบปฏิบัติการ ดังต่อไปนี้:
- Microsoft Windows Mobile 2003 Pocket PC, Smartphone
- Microsoft Windows Mobile 5.0 Pocket PC, Smartphone
- Microsoft Windows Mobile 6.0 Pocket PC, Smartphone
- Palm OS 5.x
- RIM OS for Blackberry
- Microsoft Windows 2000/XP/Vista (32 bit version only)
- Symbian OS s60 3rd Edition (for Nokia)
รายละเอียดเพิ่มเติม
* LaserKey Projection Keyboard
* English user manual
* AC adapter 100-240V, 50/60Hz
* Carrying case
* USB cable
* CD (includes drivers for Blackberry, Palm, PC, PocketPC, Smartphone, and Symbian, as well as English and Korean user manuals)


Credit : http://www.pramool.com/cgi-bin/dispitem.cgi?6211295

คุณจะพบกับการพิมพ์ที่แสนจะง่ายดายบนสมาร์ทโฟนหรือพีดีเอโฟน ด้วย Bluetooth Laser Virtual Keyboard ผลิต โดย i-Tech
ลักษณะโดยทั่วๆ ไป Bluetooth Laser Virtual Keyboard จะเป็นคีย์บอร์ดแบบขนาดมาตรฐานทั่วไป Full Size โดยทำงานบนพื้นเรียบ เปรียบเสมือนกับการที่เราใช้คีย์บอร์ดจริงๆ เลยทีเดียว สำหรับคำติชม จะเป็นเรื่องของเสียงคลิกที่มันจะดังขณะที่เรากดลงไป
Bluetooth Laser Virtual Keyboard ตัวเครื่องมีขนาดเท่ากับบัตรเครดิต ซึ่งคุณสามารถสั่งซื้อได้ทาง Amazon สนนราคา $ 149.99 USD หรือประมาณ 4800 บาทเท่านั้นเอง โดยที่คุณสามารถจะเชื่อมต่อเข้ากับ สมาร์ทโฟน พีดีโฟน หรือเครื่องคอมพิวเตอร์ แป้นพิมพ์มีการตอบสนองที่รวดเร็ว (ประมาณ 400 คีย์ต่อนาที) เปรียบได้กับแป้นพิมพ์จริงๆ แต่ว่าไม่แนะนำให้ใช้ระหว่างการประชุม ในสำนักงาน เนื่องจากว่าเสียงคลิกมันดังมาก
คุณสมบัติ
• Bluetooth specification v1.1 class 2 Supports BT HID and SPP profiles
• Connects to PDAs Smartphones and Computers using Bluetooth
• Projects a full size keyboard onto any flat surface
• Allows the convenience of regular keyboard typing in a tiny form factor
• Tiny size only 3.5 inches high
• Compatible with PalmOS 5, PocketPC 2003, Windows Smartphone, Symbian OS, and Windows 2000/XP. Limited Mac OSX Support.
• Detection rate of up to 400 characters per minute
• Battery capacity: up to 120 minutes continuous typing
• Full size wire-free QWERTY keyboard projection at the touch of a button

Credit : http://www.meedee.net/news/itech/it-news/4282

วันเสาร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

คุณธรรมในการใช้คอมพิวเตอร์

1. ไม่ใช้คอมพิวเตอร์ทำร้ายผู้อื่น
2. ไม่รบกวนจนงานคอมพิวเตอร์ของผู้อื่น
3. ไม่แอบดูแฟ้มข้อมูลของผู้อื่น
4. ไม่ใช้คอมพิวเตอร์เพื่อลักขโมย
5. ไม่ใช้คอมพิวเตอร์เพื่อเป็นพยานเท็จ
6. ไม่ใช้หรือทำสำเนาซอฟต์แวร์ที่ตนไม่ได้ซื้อสิทธิ์
7. ไม่ใช้คอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยไม่มีอำนาจหน้าที่
8. ไม่ฉวยเอาทรัพย์ทางปัญญาของผู้อื่นมาเป็นของตน
9. คิดถึงผลต่อเนื่องทางสังคมของโปรแกรมที่เขียน
10. ใช้คอมพิวเตอร์ในทางที่แสดงถึงความใคร่ครวญและเคารพ จรรยาวิชาชีพ ของสมาชิกสมาคมเครื่องจักรกลคอมพิวเตอร์ (Association of ComputerMachinery ACM Code of Conduct
11.ต้องไม่คัดลอกโปรแกรมผู้อื่นที่มีลิขสิทธิ์
12.ต้องไม่ละเมิดการใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์โดยที่ตนเองไม่มีสิทธิ์
13.ต้องไม่นำเอาผลงานของผู้อื่นมาเป็นของตน
14.ต้องคำนึงถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับสังคมอันติดตามมาจากการกระทำ
15.ต้องใช้คอมพิวเตอร์โดยเคารพกฎระเบียบ กติกามารยาท

credit:http://www.kroobannok.com/blog/view.php?article_id=16455

เว็บเซอร์วิส เว็บไซด์ คือ

เว็บเซอร์วิส (Web Services) เป็นการ "บริการ" ที่เป็นระบบซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาเพื่อสนับสนุนการทำงาน ระหว่างคอมพิวเตอร์กับคอมพิวเตอร์ผ่านระบบเครือข่าย โดยที่ภาษาที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์ คือภาษาเอ็กซ์เอ็มแอล (XML) ตัวอย่างเช่น การบริการในการเช็คราคาหุ้นของตลาดหุ้นหลาย ๆ ที่และอ่านข่าวจากแหล่งข่าว ๆ หลายที่โดยให้เฉพาะข่าวของบริษัทที่ผู้ขอใช้บริการสนใจ ผู้ให้บริการเว็บเซอร์วิสหนึ่งอาจจะเป็นผู้ขอบริการเว็บเซอร์วิสอื่น ยกตัวอย่างเช่น เว็บเซอร์วิสที่ให้บริการข้อมูลก่อนการซื้อขายหุ้น อาจจะเป็นผู้ขอใช้บริการของเว็บเซอร์วิสที่ให้บริการการให้ข่าว

credit:http://chatpong.exteen.com/20050814/entry-1

เว็บเซอวิส คือ Web Application ยุคใหม่ ที่ประกอบด้วยส่วนย่อยๆมีความสมบูรณ์ในตัวเอง สามารถติดตั้ง ค้นหา เริ่มทำงานได้ผ่านเว็บ Web Service สามารถทำอะไรก็ได้ตั้งแต่งานง่ายๆ เช่นดึงข้อมูล จนถึงกระบวนการทางธุรกิจที่ซับซ้อน เมื่อ Web Service ตัวใดตัวหนึ่งเริ่มทำงาน Web Service ตัวอื่นก็สามารถรับรู้และเริ่มทำงานได้อีกด้วย

credit:http://www.thaixml.com/essentials/webs.htm

Web Services คือ แอพลิเคชัน หรือ โปรแกรมที่ทำงานอย่างใดอย่างหนึ่งในลักษณะให้บริการ (Service) ที่จะถูกเรียกใช้งานจากแอพลิเคชันอื่นๆ ในรูปแบบ RPC (Remote Procedure Call) หรือระบบสั่งงานระยะไกล โดยการให้บริการจะมีเอกสาร ที่อธิบายคุณสมบัติของบริการกำกับไว้ มีภาษาที่ถูกใช้เป็นสื่อในการแลกเปลี่ยนคือ XML ทำให้ผู้ใช้สามารถเรียกใช้ส่วนประกอบใดๆ ใน แพลตฟอร์ม ใด ๆ ก็ได้ บนโปรโตคอล HTTP สำหรับ World Wide Web อันเป็นช่องทางที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก ในการติดต่อสื่อสารกันระหว่าง แอพลิเคชัน
จากที่เว็บไซต์ถูกแบ่งออกมาเป็น 3 ยุค ได้แก่ ยุคแรกคือ เว็บไซต์ Static Web เป็นการเขียนเว็บไซต์ธรรมดาสร้างจากภาษา HTML ล้วนๆ ต่อมาคือ ยุคที่2 เรียกว่า Dynamic Web ที่เริ่มมีแบบฟอร์มต่างๆให้ผู้เข้าชมกรอก และเกิดภาษาใหม่ๆเช่น .ASP, .JSP, Perl อยู่มานานกว่า 10 ปี แต่ก็เริ่มมีข้อจำกัดเมื่อบางบริษัท มีโปรแกรมเมอร์หลายคน ถนัดเทคโนโลยีที่แตกต่างกันไป เช่น .NET, Java และ PHP ทำอย่างไรจึงจะนำข้อมูลบนเทคโนโลยีที่แตกต่างกันนี้มาใช้บนภาษากลางได้ จึงเป็นที่มีของการเข้าสู่ยุคที่ 3 หรือยุคเว็บเซอร์วิส ที่เป็นบริการรูปแบบใหม่
นายอาณัติ รัตนถิรกุล โปรแกรมเมอร์ และนักพัฒนาผู้เชี่ยวชาญด้านเว็บเซอร์วิส และโอเพนซอร์ส อธิบายว่า ผู้ใช้จะต้องเข้าใจความหมายของคำศัพท์เหล่านี้ก่อน ได้แก่ SOAP (Simple Object Access Protocol) เป็น XML-based โปรโตคอล (lightweight protocol) และใช้ HTTP เป็นโปรโตคอลร่วม ส่วนภาษาที่ใช้เขียนเว็บปกติ คือ HTML แต่เว็บเซอร์วิสเรียกว่า WSDL (Web Services Description Language) เป็นภาษาที่ใช้อธิบายคุณลักษณะการใช้บริการของเว็บเซอร์วิส และ UDDI (Universal Description, Discovery, and Integration) คือตัวแทนของผู้ให้บริการ (Service broker) ใช้สำหรับค้นหา Service ที่ต้องการเหมือนกับสมุดหน้าเหลือง เหมือนกับ กูเกิล ผู้เชี่ยวชาญด้านเว็บเซอร์วิส และโอเพนซอร์ส อธิบายเพิ่มเติมว่า การจะเป็นเว็บเซอร์วิสได้ต้องดึงข้อมูลออกมาจากเว็บที่ต้องการแต่ไม่ใช่การคัดลอก แต่เว็บเจ้าของเนื้อหาที่ให้บริการจะต้องเขียนข้อมูลเป็น WSDL ส่งมาเก็บที่ UDDI ที่ควรเป็นองค์กรกลางและไม่แสวงหากำไร หากเว็บไซต์ใดต้องการเรียกเซอร์วิส มาใช้ก็เอาสคริปต์ไปไว้ที่ผู้ให้บริการก็จะสามารถรับข้อมูล หรือ บริการนั้นได้ เช่น หากกรมประชาสัมพันธ์ ต้องการข้อมูลพยากรณ์อากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา ถ้ากรมอุตุฯ เขียนข้อมูลไว้ในรูปแบบ XML เพียงกรมประชาสัมพันธ์นำสคริปต์ ไปแปะไว้ที่หน้าเว็บไซต์กรมอุตุฯ

credit:http://www.school.net.th/library/create-web/10000/technology/10000-13306.html
สรุปเว็บเซอร์วิส (Web service) คือระบบซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมา เพื่อสนับสนุนการแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน ระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ผ่านระบบเครือข่าย โดยที่ภาษาที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ คือเอกซ์เอ็มแอล เว็บเซอร์วิสมีอินเทอร์เฟส ที่ใช้อธิบายรูปแบบข้อมูลที่เครื่องคอมพิวเตอร์ประมวลผลได้ เช่น WSDL ระบบคอมพิวเตอร์ใช้งานสื่อสารโต้ตอบกับเว็บเซอร์วิสตามรูปแบบที่ได้กำหนดไว้แล้ว โดยการส่งสาสน์ตามอินเตอร์เฟสของเว็บเซอร์วิสนั้น โดยที่สาสน์ดังกล่าวอาจแนบไว้ในซอง SOAP หรือส่งตามอินเตอร์เฟสในแนวทางของ REST สาสน์เหล่านี้ปกติแล้วถูกส่งโดยอาศัย HTTP และใช้ XML ร่วมกับมาตรฐานเกี่ยวกับเว็บอื่นๆ โปรแกรมประยุกต์ที่เขียนโดยภาษาต่างๆ และทำงานบนแพลตฟอร์มต่างๆกันสามารถใช้เว็บเซอร์วิสเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลผ่านทางเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เช่น อินเทอร์เน็ต ในลักษณะเดียวกับการสื่อสารระหว่างโปรเซส (Inter-process communication) บนเครื่องเดียวกัน ความสามารถในการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างระบบที่ต่างกันนี้ (เช่น การแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่าง โปรแกรมที่เขียนโดยภาษาจาวา และโปรแกรมที่เขียนโดยภาษาไพทอน หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างโปรแกรมประยุกต์ที่ทำงานบนไมโครซอฟท์วินโดวส์และโปรแกรมประยุกต์ที่ทำงานบนลินุกซ์) เกิดขึ้นได้เนื่องจากการใช้มาตรฐานเปิด โดย OASIS และ W3C เป็นคณะกรรมการหลักในการรับผิดชอบมาตรฐานและสถาปัตยกรรมของเว็บเซอร์วิส



เว็บไซด์(Web Site)

เว็บไซต์ หมายถึง หน้าเว็บเพจหลายหน้า ซึ่งเชื่อมโยงกันผ่านทางไฮเปอร์ลิงก์ ส่วนใหญ่จัดทำขึ้นเพื่อนำเสนอข้อมูลผ่านคอมพิวเตอร์ โดยถูกจัดเก็บไว้ในเวิลด์ไวด์เว็บ หน้าแรกของเว็บไซต์ที่เก็บไว้ที่ชื่อหลักจะเรียกว่า โฮมเพจ เว็บไซต์โดยทั่วไปจะให้บริการต่อผู้ใช้ฟรี แต่ในขณะเดียวกันบางเว็บไซต์จำเป็นต้องมีการสมัครสมาชิกและเสียค่าบริการเพื่อที่จะดูข้อมูล ในเว็บไซต์นั้น ซึ่งได้แก่ข้อมูลทางวิชาการ ข้อมูลตลาดหลักทรัพย์ หรือข้อมูลสื่อต่างๆ ผู้ทำเว็บไซต์มีหลากหลายระดับ ตั้งแต่สร้างเว็บไซต์ส่วนตัว จนถึงระดับเว็บไซต์สำหรับธุรกิจหรือองค์กรต่างๆ การเรียกดูเว็บไซต์โดยทั่วไปนิยมเรียกดูผ่านซอฟต์แวร์ในลักษณะของ เว็บเบราว์เซอร์

credit:http://www.modify.in.th/Website/website-id72.aspx

เว็บไซต์ คือ คำที่ใช้เรียกกลุ่มของเว็บเพจ ( ดังนั้นภายในเว็บไซต์จะประกอบไปด้วยโฮมเพจและเว็บเพจ ) โดยเรามักใช้เรียกเว็บที่มีขนาดใหญ่และมีการจดทะเบียนชื่อเว็บไซต์นั้นๆไว้แล้ว (Domain Name) เช่น http://www.geocities.com , http://www.sanook.com , http://www.yahoo.com เป็นต้น

credit:http://www.websmartpro.net/home/index.asp?autherid=25&ContentID=10000024&title=%E0%C7%E7%BA%E4%AB%B5%EC%A4%D7%CD%CD%D0%E4%C3&bttcol=False

เว็บไซต์ (อังกฤษ: website, web site, Web site) หมายถึง หน้าเว็บเพจหลายหน้า ซึ่งเชื่อมโยงกันผ่านทางไฮเปอร์ลิงก์ ส่วนใหญ่จัดทำขึ้นเพื่อนำเสนอข้อมูลผ่านคอมพิวเตอร์ โดยถูกจัดเก็บไว้ในเวิลด์ไวด์เว็บ หน้าแรกของเว็บไซต์ที่เก็บไว้ที่ชื่อหลักจะเรียกว่า โฮมเพจ เว็บไซต์โดยทั่วไปจะให้บริการต่อผู้ใช้ฟรี แต่ในขณะเดียวกันบางเว็บไซต์จำเป็นต้องมีการสมัครสมาชิกและเสียค่าบริการเพื่อที่จะดูข้อมูล ในเว็บไซต์นั้น ซึ่งได้แก่ข้อมูลทางวิชาการ ข้อมูลตลาดหลักทรัพย์ หรือข้อมูลสื่อต่างๆ ผู้ทำเว็บไซต์มีหลากหลายระดับ ตั้งแต่สร้างเว็บไซต์ส่วนตัว จนถึงระดับเว็บไซต์สำหรับธุรกิจหรือองค์กรต่างๆ การเรียกดูเว็บไซต์โดยทั่วไปนิยมเรียกดูผ่านซอฟต์แวร์ในลักษณะของ เว็บเบราว์เซอร์

credit:http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B9%87%E0%B8%9A%E0%B9%84%E0%B8%8B%E0%B8%95%E0%B9%8C
สรุปเว็บไซต์ เว็บไซต์ (Web Site) คือ แหล่งที่เก็บรวบรวมข้อมูลเอกสารและสื่อประสมต่าง ๆ เช่น ภาพ เสียง ข้อความ ของแต่ละบริษัทหรือหน่วยงานโดยเรียกเอกสารต่าง ๆ เหล่านี้ว่า เว็บเพจ (Web Page) และเรียกเว็บหน้าแรกของแต่ละเว็บไซต์ว่า โฮมเพจ (Home Page) หรืออาจกล่าวได้ว่า เว็บไซต์ก็คือเว็บเพจอย่างน้อยสองหน้าที่มีลิงก์ (Links) ถึงกัน ตามหลักคำว่า เว็บไซต์จะใช้สำหรับผู้ที่มีคอมพิวเตอร์แบบเซิร์ฟเวอร์หรือจดทะเบียนเป็นของตนเองเรียบร้อยแล้วเช่น www.google.co.th ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่ให้บริการสืบค้นข้อมูลเป็นต้น

วันอังคารที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

Web design and development

Importance of Website Design and Development
A website is an online identity of a company or of an individual involved in Internet Marketing. The task associated with the website is to represent a company
sell company’s name
attract more visitors
generate more business leads
promote more sale of company’s products and services and ultimately
help to gain more return on investment.

In this era of advanced technology
electronic commerce have highly dominated the marketing practice
and due to easy availability and affordability of the Internet
people are running after it and making huge profit at the comfort of their home.

As a serious online business person
what is important for your business is
to prepare a website that is well designed
attractive
easy to navigate
highly usable
good content
full of relevant information
enough functionalities and are capable of retaining visitors for long and make them come back again.

We know
Web is the visual interface and what people look on the Web will be manipulated and interpreted into their mind and perception. So being a website designer and programmer
you must be careful about the use of color effects
lights
visual effects
positioning and size of contents and use of search engine friendly technology
so that people must remember your website name first and search you first on the Web.

To achieve all the above mentioned strategies
your website building needs a professional touch from qualified website designers and developers who can put their best acquired knowledge and experience to make a suitable portal that can turn each visitors into potential buyers.

In fact
there are two types of website design such as; static and dynamic website design. You can opt for static as well as dynamic website design where former is based on simple HTML code and latter is developed with advanced and sophisticated technologies based on the information provided in the database. Dynamic website is actually selling these days
because apart from its beauty and diverse applicability
it gives the ease of quick and self information updating facility to site administrator without being proficient technically.

Another important factor for a well designed and programmed website is the quality search engine optimization (SEO) service. SEO is the basis of search engine marketing success
because website optimization process spice-up the website with relevant keywords
facilitate one-way link
enhance link-popularity and place website at top or near the top of search engine result page that ultimately help in attracting motivated buyers and more traffic to website.

If you want to excel high in your online business
aforesaid strategies of website design and development must be dealt with great care. There are numerous such companies which can give promising website designing and development solution at an affordable rate
at the same time
false promise making dudes are also in plenty. For affordable Website design and development
you can even think of any offshore website design and development company with thorough research on their portfolios.

วันจันทร์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2553


MY BEST FRIDNE

อยากให้เธออยู่ตรงนี้
เป็นเพื่อนที่แสนดีข้างๆฉัน
มีความรู้สึกดีๆมาแบ่งปัน
เป็นกำลังใจให้กันและกันตลอดไป...

ฤดูกาลผันผ่าน
อาจเปลี่ยนวันวานตามไปได้
แต่ตราบใดภาษาไม่เปลี่ยนไป
คำว่า เพื่อน เขียนอย่างไร
ความหมายย่อมเหมือนเดิม...

คำว่าเพื่อนมีความหมายมากมายน่ะ
แปลว่า รัก ภักดี มีใจให้
แปลว่า คอย ห่วงหา และอาลัย
แปลว่ามีอภัยให้แก่กัน...

แม้ไม่ได้เจอกันทุกวัน
แม้ไม่ได้เห็นหน้ากันทุกคืน
แต่มิตรภาพที่หยิบยื่น
คือความพอดีของความผูกผัน
กับวันเวลาที่ผ่านมาช่วยทำให้เรารู้ซึ้งว่า เพื่อนมีค่าแค้ไหน
แม้เวลาหมุนเวียนเปลี่ยนไป
แต่ความรู้สึกดี - ดีในใจ จะคงอยู่ตลอดไปไม่มี