วันจันทร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2553

สรุปการคิดเชิงสร้างสรรค์

ในความหมายทางภาษาไทยได้ให้ความหมายของคำว่า “สร้างสรรค์” แตกต่างออกไป 3 ความหมาย คือ คิดในแง่บวก การกระทำที่ไม่ทำร้ายใครและการคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ โดยทั่วไปจะใช้ความหมายนี้ในการที่เราจะกำหนดว่าสิ่งใดเกิดจากความคิดสร้างสรรค์นั้นสามารถพิจารณาได้จากองค์ประกอบสำคัญ อันได้แก่ ความคิดนั้นต้องเป็นสิ่งใหม่ สามารถใช้งานได้และเหมาะสมลงตัวพอดีกับปัญหาที่ต้องการแก้ไข การแก้ไข จินตนาการก็เป็นส่วนประกอบที่สำคัญอย่างยิ่งในการคิดสร้างสรรค์ เพราะจะช่วยให้เราสร้างสรรค์ความคิดใหม่ๆได้อย่างไม่จำกัด โดยความคิดสร้างสรรค์เกิดจากการทำงานของสมองซีกขวา มีนักวิศวะชาวอเมริกันที่คิดสร้างจรวดขึ้นมา ชื่อ โรเบิร์ต เอช กอกดาร์ด (ค.ศ. 1899) จากการอ่านนวนิยายจิตนาการของเขาในสมัยเด็ก และก็ประสบความสำเร็จ แม้ว่าจรวดของเขาจะขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างไม่น่าตื่นเต้นนักก็ตาม แต่ก็นับว่าเป็นก้าวแรก น่าเสียดายที่เขาสิ้นชีวิตไปก่อน จึงไม่มีโอกาสได้เห็นจรวดที่ได้รับการพัฒนาต่อยอดจากแนวคิดของเขานั้น ทะยานขึ้นไปเยือนดวงจันทร์ตามความฝันของเขา ความคิดสร้างสรรค์จะเข้าไปต่อยอดความคิดเดิม กลายเป็นความคิดใหม่นั้นจะถูกท้าทายจากอีกความคิดหนึ่งเสมอ ส่งผลใหม่ให้เกิดการงอกงามทางความคิดและสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ โดยพัฒนาต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง
ความหมายของการคิดเชิงสร้างสรรค์ เป็นการขยายขอบเขตความคิดออกไปจากกรอบความคิดเดิมที่มีอยู่สู่ความคิดใหม่ๆที่ไม่เคยมีมาก่อน เพื่อค้นหาคำตอบที่ดีที่สุดให้กับปัญหาที่เกิดขึ้น การคิดแบบเชิงสร้างสรรค์มีลักษณะเป็นกระบวนการ มี 3 ขั้นตอน คืด การกำหนดเป็ราหมายการคิดให้ชัดเจน เช่น ทำอย่างไรเพื่อให้สอบวิชานี้ให้ได้เกรด A เมื่อเป้าหมายชัด จะนำไปสู่การหาวิธีสร้างสรรค์ ซึ่งจะช่วยให้ทำคะแนนสอบได้เกรด A เป็นต้น การแสวงหาแนวคิดใหม่ เราคิดออกมาให้หมด อย่าเพิ่งประเมินว่าดีหรือไม่ดี เราจะพบว่าศักยภาพการสร้างารรค์ของเรามีอยู่อย่างกมากทีเดียว เพียงแต่ไม่ถูกบังคับให้นำออมาใช้เท่านั้น ขั้นต่อไปเป็นการประเมินและคัดเลือก นำความคิดเหล่านี้มากลั่นกรอง วิเคราะห์ หาเหตุผลความเป็นไปได้ ว่ามีความคิดใดบ้างที่สามารภถนำมาใช้ได้อย่างเหมาะสม องค์ประกอบที่ช่วยเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์
ด้านทัศนคติและบุคลิกลักษณะ คือ เป็นคนเปิดกว้างรับประสบการณ์ใหม่ๆ
ด้านความสามารถทางสติปัญญา คือ จะไม่มองปัญหาเดิมๆด้วยสายตาธรรมดาจะมองแบบใหม่เพื่อทำให้เห็นทางแก้ปัญหาด้วยตนเอง การประเมินอย่างมีประสิทธิภาพ คือ นำเอาความคิดนั้นมาพิจารณาประเมินคุณค่าในลำดับต่อไป
ด้านความรู้ คนที่มีความรู้มักจะคิดได้สร้างสรรค์ได้ดีกว่าคนที่ไม่มีความรู้
ด้านรูปแบบการคิด มีผลต่อการรับรู้และบุคลิกลักษณะของคนๆนั้น รูปแบบการคิดจะช่วยให้เกิดการประยุกต์ความสามาถทางสติปัญญา
ด้านแรงจูงใจ เป็นแรงกระตุ้นจากภายในมีประโยชน์ต่อความคิดสร้างสรรค์
ด้านสภาพแวดล้อม ไม่มีกรอบมาตรฐานเพื่อบีบรัด ได้แก่ สังคมที่ส่งเสริมเสรีภาพในกรแสดงออกของประชาชน มีการสนับสนุนคนที่คิดสร้างสรรค์
โลกของการแข่งขันทำให้ต้องมีการพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่ง หากหยุดนิ่งเมื่อใดเท่ากับเดินถอยหลังทันที ความคิดสร้างสรรค์ยังข่วยให้ราได้สิ่งที่ดีกว่าแทนการจะอยู่กับสิ่งเดิมๆ และยังเป็นองค์ประกอบสำคัญของความฉลาด คือ มีความฉลาดในการสร้างสรรค์ ความฉลาดในการวิเคราะห์ และความฉลาดในการปฏับัติจริง ดังนั้น ถ้าสังคมเราฝึกให้คนแก้ปัญหาด้วยตนเองมากขึ้น พ่อแม่ปล่อยให้ลูกรับผิดชอบตนเอง ปล่อยให้ลูกคิดแก้ปัญหาด้วยตนเองบ้าง ให้ช่วยเหลือตนเอง ลองถูก-ลองผิดบ้างย่อมเป็นวิธีหนึ่งที่เขาจะได้มีโอกาสคิดสร้างสรรค์ น่าดีใจที่ศักยภาพด้านการคิดสร้างสรรค์ของคนไทยในระดับท้องถิ่น เริ่มปรากฏขึ้น และสะท้อนออกมาในรูปของสินค้าภายในชุมชนตามโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ เป็นโอกาสที่ดีของแต่ละตำลลที่จะคิดสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆประจำตำบล ลดการลอกเลียนแบบ ปัจจุบันการเรียนจะเน้นให้นักเรียนที่เรียนนั้นท่องจำมากกว่าจะให้ใช้ความคิด ซึ่งส่งผลให้เป็นการปิดกั้นความคิดสร้างสรรค์ คือ ไม่ได้สอนวิธีคิดส่งผลให้เด็กไม่มีนิสัยช่างคิด คิดไม่เป็น ไม่รู้จักเรียนรู้ โดยสมองซีกความคิดสร้างสรรค์จะไม่ได้รับการพัฒนา และจะนำไปสู่การลอกเลียนแบบ เกิดความพึงพอใจในการทำตามและเลียนแบบมากกว่าคิดเอง เช่น คนมีตำแหน่ง มีอำนาจ ชื่นชอบสินค้ายี่ห้อดังๆเชื่อมั่นและเดินตามประเทศที่พัฒนาแล้วเพราะคิดว่าเค้าเก่งกว่า เป็นต้น สังคมไทยเราชอบความเหมือนมากกว่าความแตกต่างจะเห็นได้ว่าคนไทยในสมัยอดีต คนที่ได้รับการยกย่อง คือ คนที่ไม่ทำอะไรแตกต่างจากคนอื่นยิ่งทำเหมือนต้นแบบมากเท่าไหร่ ยิ่งได้รับการยกย่อง เป็นต้น สังคมไทยเรามักจะดำเนินตามสถานการณ์ ไม่ช่างคิด และลักษณะนิสัยไม่ช่างคิด ดำเนินชีวิตไปตามสถานการณ์ของเรานี้นับเป็นอุปสรรค์ที่สำคัญอีกประการหนึ่งที่เราจำเป็นต้องเอาชนะให้ได้ หากเราต้องการเป็นคนที่สร้างสรรค์ หากเรายังมีค่านิยมที่ว่า การลอกเลียนความคิดของผู้อื่นเป็นความผิด เป็นการทำที่น่าละอายจนส่งผลเป็นแรงกระตุ้นให้เราต้องคิดสร้างสรรค์ขึ้นเอง เอาวิธีการสำเร็จรูปที่ผู้อื่นคิดไว้มาใช้มากกว่าเสียเวลาออกแรงคิดเอง สังคมของเราจึงกลายเป็นสังคมที่ชอบลอกเลียนมากกว่าสร้างสรรค์ และเมื่อเราเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่คุ้นเคย ปัญหาที่ดูเหมือนไม่มีทางออกมาก่อน ทำให้คนเกิดความวิตกกังวลมากกว่าจะพยายามหาทางออกให้กับปัญหาที่เกิดขึ้น โดยคิดว่าตนเองจะเป็นแกะดำถูกมองว่าเป็นตัวประหลาด ไม่กล้าเสนอความคิดเห็นใหม่ๆทำให้ความคิดสร้างสรรค์ดีๆไม่มีโอกาสงอกงามออกมา แต่ความกลัวผิดพลาดนั้นมันจะเป็นตัวสกัดกั้นความคิดสร้างสรรค์ที่ดีเยี่ยมอีกตัวหนึ่งและอิทธิพลของมันจะแทรกซึมอยู้ในเรามากบ้างน้อยบ้าง ถ้าเรายึดติดกับความรู้ความชำนาญเฉพาะด้าน เราย่อมจะ “ติดกับ” ความรู้ของเราให้ไม่สามารถคิดแหวกวงเพื่อค้นพบสิ่งสร้างสรรค์ใหม่ๆ นอกเหนือจากที่เคยเรียนรู้มาแล้วได้ เราอาจจะเป็นคนเก่งในสิ่งที่ทำได้ดีอยู่แล้ว แต่จะเป็นคนที่ทำอะไรไม่ได้เลย หากขว้างออกนอกกรอบความรู้ที่ตนมีเพื่อประยุกต์สิ่งดีๆมาใช้พัฒนาความเชี่ยวชาญในงานของตน ในการคิดแปลกใหม่ให้หลากหลายด้วยการระดมสมอง เราจะได้ความคิดใหม่ที่สร้างสรรค์จากกลุ่มที่เรากำหนดขึ้นเอง การเปลี่ยนแปลงจากรูปเดิมๆให้เป็นสิ่งใหม่ การแตกแขนงรูปแบบสินค้า ในการอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบเดิมมานาน อาจกำจัดความคิดสร้างสรรค์ เพราะในสภาพแวดล้อมแบบหนึ่งจะทำให้เราคิดคล้ายๆกัน การนั่งจดจ่ออยู่กับที่อาจจะดีสำหรับการคิดเพื่อทำความเข้าลึกซึ้ง แต่อาจจะไม่เหมาะสำหรับการคิดสร้างสรรค์ซึ่งต้องการข้อมูลที่ค่อนข้างแตกกระจายออกไปในแนวกว้าง ดังนั้น เมื่อเราคิดไปได้สักพักแล้วรู้สึกว่าความคิดเริ่มวนเวียน เริ่มคิดสิ่งใหม่ๆไม่ได้ ให้ลชองจัดสภาพแวดล้อมใหม่ เปลี่ยนสภาพที่ความคิดใหม่ๆอาจเกิดขึ้นมาได้ การกำจัดเวลาจะช่วยให้กระตุ้นความคิดได้ดีกว่า และในแนวทางกลับสิ่งที่จะคิด แล้วลองคิดใช้มุมกลับ ช่วยให้เรามองอีกมุมหนึ่งที่เราไม่เคยคิดมาก่อน การหักมุมความคาดหวังที่คนทั่วๆไปคิดว่าน่าจะเป็น กลายเป็นสิ่งสร้างสรรค์ใหม่ ส่วนใหญ่การคิดเช่นนี้มักจะนิยมใช้กันทั่วไปในการเขียนทั้งเรื่องสั้น ภาพยนตร์โฆษณา เรื่องขำขัน ภาพยนต์ประเภทสืบสวนสอบสวน ภาพยนตร์ตลก การ์ตูนล้อการเมือง เป็นต้น ในการคิดเรามักจะหาสิ่งเชื่อมโยงเป็น “ตัวเขี่ยความคิด” เช่น การเปิดหนังสือ ถ้ายังคิดไม่ออก็ลองเปิดหนังสือพิมพ์ หรือนิตยสาร การเปิดพจนานุกรม ดึงคำพูดจากหนังสือ เก็บคำพูดจากภาพยนตร์โทรทัศน์ข้อความโฆษณาจากแผ่นป้ายข้างรถประจำทาง หรืออื่นๆไม่จำกัด อันจะช่วยขยายความคิดของเราให้เกิดความคิดดีๆในการแก้ปัญหาได้ การอุปมาหรือเทียบเคียงในลักษณะที่เราไม่คุ้นเคย จะช่วยกระตุ้นให้เราคิดในมุมที่แตกต่างได้ ช่วยให้เรามีความคิดใหม่ๆนอกกรอบความเคยชิน หากการคิดเชิงสร้างสรรค์จะกลายเป็นลักษณะนิสัยการคิดของเรา และเราจะกลายเป็นผู้ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น “นักคิสร้างสรรค์” ได้ในที่สุด
การสร้างทัศนคติที่เอื้อต่อการสร้างความคิดสร้างสรรค์ คือ
1.อย่าคิดในแง่ลบต้องคิดในแง่บวก
2.อย่าชอบพวกมาลากไปต้องลองหัวเดียวกระเทียมลีบดูบ้าง
3.อย่าปิดตนเองในวงแคบต้องเปิดรับประสบการณ์ใหม่
4.อย่ารักสบายทำไปเรื่อยๆต้องลงแรง บากบั่น มุ่งความสำเร็จ
5.อย่ากลัว ต้องกล้าเสี่ยง
6.อย่าหมดกำลังใจเมื่อไม่พบคำตอบ ต้องอดทนต่อความคลุมเครือ
7.อย่าท้อใจกับความผิดหวัง ต้องเรียนรู้จากความล้มเหลว
8.อย่าละทิ้งความคิดใดจนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่าไร้ประโยชน์ ต้องชะลอการตัดสินใจ
9.อย่ากลัวการเผยแพร่ผลงาน ต้องกล้าเผยแพร่ผลงานแหวกวง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น


MY BEST FRIDNE

อยากให้เธออยู่ตรงนี้
เป็นเพื่อนที่แสนดีข้างๆฉัน
มีความรู้สึกดีๆมาแบ่งปัน
เป็นกำลังใจให้กันและกันตลอดไป...

ฤดูกาลผันผ่าน
อาจเปลี่ยนวันวานตามไปได้
แต่ตราบใดภาษาไม่เปลี่ยนไป
คำว่า เพื่อน เขียนอย่างไร
ความหมายย่อมเหมือนเดิม...

คำว่าเพื่อนมีความหมายมากมายน่ะ
แปลว่า รัก ภักดี มีใจให้
แปลว่า คอย ห่วงหา และอาลัย
แปลว่ามีอภัยให้แก่กัน...

แม้ไม่ได้เจอกันทุกวัน
แม้ไม่ได้เห็นหน้ากันทุกคืน
แต่มิตรภาพที่หยิบยื่น
คือความพอดีของความผูกผัน
กับวันเวลาที่ผ่านมาช่วยทำให้เรารู้ซึ้งว่า เพื่อนมีค่าแค้ไหน
แม้เวลาหมุนเวียนเปลี่ยนไป
แต่ความรู้สึกดี - ดีในใจ จะคงอยู่ตลอดไปไม่มี