วันจันทร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2553

คิดถูก โปร่งใส ใจสูง

จากการที่ได้อ่านหนังสือ คิดถูก โปร่งใส ใจสูง จบแล้ว ว.วชิรเมธี ได้สอนไว้ว่าโลกและชีวิตของคนเรานั้นจะเป้นไปอย่างไรขึ้นอยู่กับความคิดเพราะความคิดของเราก็เปรียบเสมือนกับแสงดาวที่จะส่องนำทางของชีวิตเราว่าจะไปมาอย่างไรถ้าเราคิดถูกชีวิตของเราก็ไปในทางที่ถูกทิศถูกทางแต่ถ้าเราคิดไปในทางที่ผิดชีวิตของเราก็ผิดทิศผิดทางความคิดคือการปรุงแต่งทางจิตใจใจในทางที่นี้คือความคิดสำคัญที่สุดหากเราคิดดีหรือมีใจผ่องแผ้วการพูดการกระทำก็จะดีตามเสมือนเงาตามตัวคนเราถ้าคิดชั่วการพูดการกระทำของเราก็ชั่วตามหากเราคิดดีมีจิตใจผ่องใสการพูดการกระทำของเราก็ดีตามผลจากการคิดดีพูดดีทำดีนั้นความสุขก็ติดตามตัวเราเป็นเงาติดตามตนไปทุกหนทุกแห่งแต่ในทางกลับด้านหากเราคิดชั่วก็จะพูดชั่วและทำชั่วเพราะผลแห่งการคิดชั่วพูดชั่วและทำชั่วนั้นทุกข์ก็จะติดตามตัวเราไปทุกหนทุกแห่งจิตหรือความคิดเป็นนายของทุกสิ่งทุกอย่างเพราะความคิดหรือจิตนี้เป็นผู้กำหนดของสรรพสิ่งของเราวิธีคิดของคนทั่วไปก้มีหลายวิธีดังตัวอย่างเช่นการคิดตามการบงการของกิเลสคือคิดตามฦโทสะหรือความโกรธเมื่อความโกรธครอบงำแล้วต่อให้สติปัญญาเฉียบแหลมอย่างไรก็ควบคุมไม่อยู่สุดท้ายก็ตกเป็นทาสของความโกรธการคิดตามสิ่งเร้าเป็นวิธีคิดจามสิ่งที่มายั่วยวนเช่นในขณะที่เรานั่งดูทีวีแล้วมีโทรศัพท์รุ่นใหม่โฆษณาขึ้นมาเป็นรุ่นที่ทัสสกิ่นมากแล้วเราก็หยิบโทรศัพท์ของเราที่เรากำลังใช้ขึ้นมาเปรียบเทียบกับรุ่นที่อยู่ในโทรทัศน์เราก็คิดว่ามันไม่เข้าท่าแล้วรุ่นนี้เราต้องซื้อใหม่นี้คือโลกของวัยรุ่นไทยส่วนใหญ่ถ้าเกิดปัญหาขึ้นในชีวิตให้กำหนดรู้ว่าความทุกข์ที่เราเจออยู่ทนี้คืออะไรแน่ ทุกข์เราต้องกำหนดรู้ต้องศึกษาแต่คนส่วนใหญ่เมื่อเกิดปัญหาเกิดความทุกข์ขึ้นมากลับหลอมรวมตัวเองเข้าเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาแทนที่ทุกข์จะมีไว้สำหรับแก้และเห็นก็กลับกลายเป็นทุกข์มีไว้สำหรับเป็นคนที่ไม่รักชึวิตทั้งหลายใช้ชีวิตเหมือนกอสวะสะเปะสะปะไหลเคร้งไปตามสายน้ำคนส่วนใหญ่เวลามีปัญหาแทนที่จะคิดตามเหตุปัจจัยโยนให้กรรมเก่าโยนให้พระเจ้าโยนให้โชคชะตาพาเป็นไปปัญหาง่ายๆ แก้ไม่ได้ แท้จริงแล้วทุกปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิตมนุษย์เราสามารถแก้ปัญหาเหล่านั้นได้ทั้งหมดถ้าเราเข้าใจวิธีคิดแบบสืบสาวเหตุปัจจัยคนทุกคนเกิดมาอย่างก็คิดได้คิดเป็นแต่มีบางคนเท่านั้นที่คิดเป็นคิดได้คือคิดอะไรก็ได้ แต่คิดเป็นมันต้องมีหลักวิชาหรือวัํีการที่จะคิดถ้าเราคิดเชิงวิเคราะห์เป็นทุกเรื่องทุกราวที่ประเดประดังผ่านเข้ามาในชีวิตเราเป็นครูใหญ่ทั้งหมดเลย ความทุกข์กำลังสอนเราความสำเร็จกำลังสอนเรา แสงแดดกำลังสอนเรา ความร้อนกำลังสอนเรา ความหิวกำลังสแนเราคิำด่ากำลังสอนเราในชีวิตไม่มีอะไรที่เราจะต้องประหวั่นพรั่นพรึงอีกต่อไปถ้าเราคิดเชิงวิเคราะห์เป็นทุกอย่างก็จะเป็นครูเรา เพราะนะนั้นศักยภาพของความคิดนั้นมีพลังมหาศาลถ้าเราคิดเป็นคิดถูกคิดดี คิดมีประโยชน์ เราก็สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราได้

วิเคราะห์
สำหรับเรื่องธรรมะดับร้อนได้สอนให้เราได้เข้าใจถึงความโลภ ความโกรธ ความหลง และได้รู้แนวทางในการระงับความร้อนจากใจได้เป็นอย่างมาก ส่วนเรื่องคิดถูก โปร่งใส ใจสูง ทำให้เราได้รู้ถึงความสำคัญของความคิดเพราะความคิดของเรานั้นจะเป็นตัวบ่งบอกถึงเข็มทิศในการชี้เส้นทางของชีวิตเราเองว่าจะไปในทางที่ถูกหรือไปในทางที่ผิด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น


MY BEST FRIDNE

อยากให้เธออยู่ตรงนี้
เป็นเพื่อนที่แสนดีข้างๆฉัน
มีความรู้สึกดีๆมาแบ่งปัน
เป็นกำลังใจให้กันและกันตลอดไป...

ฤดูกาลผันผ่าน
อาจเปลี่ยนวันวานตามไปได้
แต่ตราบใดภาษาไม่เปลี่ยนไป
คำว่า เพื่อน เขียนอย่างไร
ความหมายย่อมเหมือนเดิม...

คำว่าเพื่อนมีความหมายมากมายน่ะ
แปลว่า รัก ภักดี มีใจให้
แปลว่า คอย ห่วงหา และอาลัย
แปลว่ามีอภัยให้แก่กัน...

แม้ไม่ได้เจอกันทุกวัน
แม้ไม่ได้เห็นหน้ากันทุกคืน
แต่มิตรภาพที่หยิบยื่น
คือความพอดีของความผูกผัน
กับวันเวลาที่ผ่านมาช่วยทำให้เรารู้ซึ้งว่า เพื่อนมีค่าแค้ไหน
แม้เวลาหมุนเวียนเปลี่ยนไป
แต่ความรู้สึกดี - ดีในใจ จะคงอยู่ตลอดไปไม่มี