วันจันทร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ธรรมโนโลยี VS เทคโนโลยี

ธรรมะดับร้อน

สมัยพุทธกาลไปร้อนลุกไหม้ "ชีวิตที่ไม่มีมารยาทที่จะเป็นตำนานอันยิ่งใหญ่"ในพุทธประวัติมีพิ้นที่ให้พยามารได้แสดงบทบาทแทรกอยู่เป็นระยะๆ ทั้งตอนก่อนจรัสรู้และหลังตรัสรู้ พยามารมีบทสำหรับคำว่ามากหากไม่พิจารณาให้ดีอาจชวนให้หลงดีความพระพุอธประวัติตอนนี้เป็นเรื่องเหลวไหลสำหรับคำว่าพยามาร แปลกตามตัวอีกษรมีความหมายว่า "สิ่งที่มาบุคคลให้ตายจากความดีงานหรือเป็นสิ่งที่คอยขัดขวงมีให้บุคคลประสบความสำเร็จก้าวหน้า" แต่มารตามคำนิยามนี้มี 5 ประเภทคือมารคือกิเลส มารคือ ร่างกาย มารคือเจตนา มารคือเทพบุตร และมารคือความหาย เราต้องเอาชนะมารให้ได้พระดุทธเจ้าเสด็จประดับ ณ อัคคาบัวเจดีย์ การที่เราจะเอาชนะผู้ที่เหนือกว่านั้นในทางพละกำลังในทางอำนาจราชศักดิ์ในทางสินทรัพย์ และในทางสติปัญญนั้น วิธีที่ดีที่สุดคิอเราต้องใช้ความอ่อนโยนและความอ่อนน้อมถ่อมตนเข้าช่วยถ้าเราปราศจากความอ่อนน้อมถ่อมตนแล้วก็ยากที่ผู้น้อยจะเอาชนะผู้ใหญ่ปราศจากความอ่อนน้อมถ่อมตนแล้วก็ยากที่ผู้ต่ำต้อยจะกาลยเป็นผู้สูงส่งทิฐิคือความคิดเห็นความรอบรู้อันดับแคบเฉพาะทางเฉพาะศาสนา ดังนั้นจึงเป็นหลุมพรางทางปัญญาที่ผู้รักปัญญาทั้งหลายพีงระมัดระวังอย่างยิ่งอย่าปล่อยให้ตัวเองตกลงไปในกลุมพรางแห่งทิฐิเป็นอันขาด เพราะจะกลายเป็นคนน่าสงสารทางวิชการ และเมื่อที่เราไปพบพานกับผู้ทรงม่ีปัญญาที่แท้เข้าจะได้เอาตัวรอดกลับมาได้อย่างมีสวัสดิภาพโดยไม่ต้องกลายไปเป็นตัวตลกทรงปัญญาให้คนเขาประมาสเอาซึ่งๆ หน้าจน หาทางกลับบ้านไม่ถูกอย่างสัจจกนิควนด์ การที่เราได้อ่านหนังสือธรรมมะดับร้อนจบแล้วก็สามารถและเข้าใจถึงความโลภโกรธหลงและได้รู้แนวทางในการระงับความร้อนจากใจได้เป็นอย่างมากซึ่งในหนังสือเล่มนี้ทำให้ได้รู้ถึงความรู้การเข้าใจแห่งความทุกข์ทั้งปวง การอ่านหนังสือ ธรรมะดับร้อน ของท่าน ว.ว ชัวเมธี จึงเป็นหนทางอีกทางหนึ่งซึ่งจะทำใหโลกนี้เย็นลงได้และบรรเทาความตึงเคลียดในเหตุบ้านการณ์เมืองสงบลงได้ใครก็ตามที่ได้อ่านหนังสือเลืมนี้แล้วคงจะช่วยให้โลกนี้สงบลงได้โดยอ่านหนังสือธรรมะดับร้อน การอ่านครั้งนี้จึงให้เราได้รู้ถึงการที่เราจะทำอย่างไรเราถึงจะดับความร้อนที่อยู่ในตัวเราได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น


MY BEST FRIDNE

อยากให้เธออยู่ตรงนี้
เป็นเพื่อนที่แสนดีข้างๆฉัน
มีความรู้สึกดีๆมาแบ่งปัน
เป็นกำลังใจให้กันและกันตลอดไป...

ฤดูกาลผันผ่าน
อาจเปลี่ยนวันวานตามไปได้
แต่ตราบใดภาษาไม่เปลี่ยนไป
คำว่า เพื่อน เขียนอย่างไร
ความหมายย่อมเหมือนเดิม...

คำว่าเพื่อนมีความหมายมากมายน่ะ
แปลว่า รัก ภักดี มีใจให้
แปลว่า คอย ห่วงหา และอาลัย
แปลว่ามีอภัยให้แก่กัน...

แม้ไม่ได้เจอกันทุกวัน
แม้ไม่ได้เห็นหน้ากันทุกคืน
แต่มิตรภาพที่หยิบยื่น
คือความพอดีของความผูกผัน
กับวันเวลาที่ผ่านมาช่วยทำให้เรารู้ซึ้งว่า เพื่อนมีค่าแค้ไหน
แม้เวลาหมุนเวียนเปลี่ยนไป
แต่ความรู้สึกดี - ดีในใจ จะคงอยู่ตลอดไปไม่มี